– Spec –

  • CPU : Intel Core i5-10210U / i7-10510U
  • GPU : On Board / NVIDIA GeForce MX250 (2GB GDDR5)
  • RAM : 8 GB LPDDR3 2133MHz
  • SSD : m.2 PCIe 512GB Read 1500/500 MB/s
  • หน้าจอ : 14 นิ้ว Full HD IPS 60 Hz, 100% sRGB และหน้าจอ ScreenPad2.0 ขนาด 5.65 นิ้ว FHD+ Super IPS display
  • พอร์ตการเชื่อมต่อ : USB 3.1 Type A, USB 3.1 Type C, USB 2.0, HDMI, micro SD card, Headset 3.5 mm
  • ระบบเครือข่าย : Wi-Fi 6 (802.11 ax), Bluetooth 5.0
  • กล้องหน้า : 3D IR Camera
  • ขนาด : 31.9 x 19.9 x 1.69 cm
  • น้ำหนัก : 1.26 Kg
  • การรับประกัน : 2 Years
  • เริ่มต้นที่ 26,990 บาท (Core i5) / 29,990 บาท (Core i5 + Nvidia MX250) / 35,990 บาท (Core i7 + Nvidia MX250) *รุ่นรีวิวเป็นรุ่นนี้*

วาร์ปสั่งซื้อ

https://t.productlink.io/c1486l

– Unbox –

อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง

  • ซองผ้าอย่างดีเอาไว้สำหรับใส่ตัวโน้ตบุ๊ค
  • Adapter สำหรับแปลงจาก USB 3.1 Type-A เป็น LAN Gigabit Port RJ45 1000/1000
  • AC to DC Adapter สำหรับชาร์จไฟ ขนาด 65 Watt 19V-3.42A
  • ASUS ZenBook 14 UX434F

– ลัดเลาะรอบเครื่อง –

Asus Zenbook 14 มาพร้อมกับหน้าจอ IPS ขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD รองรับขอบเขตกว้าง 100% sRGB โดยมีขอบจอบางมากเพียง 2.9mm มี Screen-to-Body Ratio อยู่ที่ 92% จอมีมุมมองกว้าง 178 องศา หลังจากที่ได้ใช้งานแล้วพบว่าหน้าจอให้สีสันสดใส สวยงามดีมาก ความละเอียดกำลังดี แต่สิ่งที่อาจจะทำให้ลำบากเวลานำออกไปใช้นอกสถานที่คือ หน้าจอเป็นแบบค่อนข้างสะท้อนแสงทำให้มองเห็นได้ลำบาก และความสว่างของหน้าจอน้อยไปนิด เลยทำให้มองไม่ค่อยเห็นเวลาเจอแสงแดดแรง ๆ

มาพร้อมกับ Illuminated chiclet คียบอร์ด ให้สัมผัสที่นุ่ม ใช้น้ำหนักในการกดน้อย มีระยะการกดสั้นเพียง 1.4 mm. พิมพ์สัมผัสได้ง่าย ตอบสนองได้ไว้ จะมีเพียงปุ่ม Arrow Key ที่เล็กมาก ๆ ทำให้รู้สึกว่ากดได้ยากไปหน่อย

หน้าจอ Screen Pad 2.0 ที่ได้พัฒนามาจากรุ่นก่อนหน้านี้มีความสามารถที่มากขึ้น เป็นหน้าจอขนาด 5.65 ความละเอียด FHD+ ตอบสนองการสัมผัสได้ไว ลื่น มีการเคลือบผิวด้านมาทำให้สัมผัสได้ลื่นไหลดี เป็นรอยได้ยาก ฟังก์ชั่นหลัก ๆ ก็สามารถใช้เป็นหน้าจอที่สองได้ ใช้เป็น Touch Pad ได้ มีฟังก์ชั่นสามารถเปลี่ยนเป็น Number Key(Numpad) ได้ แถมยังสามารถตั้งค่าหน้าจอนี้เป็น ShortKey ต่าง ๆ ได้โดยสามารถใช้ได้กับทุกโปรแกรม แล้วแต่เราตั้งค่าไว้ว่าให้กดแล้วทำอะไรบ้าง แถมยังใช้เป็นที่เขียนลายมือเราสำหรับเซ็นลายเซ็นลงเอกสารได้ด้วย

ด้านขวาของตัวเครื่อง มีพอร์ต DC สำหรับชาร์จไฟเข้าเครื่อง > พอร์ท HDMI > พอร์ต USB 3.1 Gen2 Type-A จำนวน 1 พอร์ต > พอร์ต USB 3.1 Gen2 Type-C จำนวน 1 พอร์ต

ด้านขวาของตัวเครื่อง มีไฟแสดงสถานะของ Battery และการทำงานของ SSD > พอร์ต 3.5 mm. สำหรับใช้งานหูฟัง และไมค์ > พอร์ต USB 2.0 Type-A > ช่องสำหรับใส่ Micro-SD Card ซึ่งอันนี้ดีงามมาก ๆ ตากล้อง หรือคนทำ Video น่าจะชอบใจ เพราะปกติพวก Ultra-Book จะไม่ค่อยมีมาให้ แม้จะไม่ใช่ SD-Card Slot ขนาดใหญ่ที่ใช้กับกล้องใหญ่ แต่ให้มาเป็น Micro-SD Card Slot ที่ใช้กับพวก Action Cam ก็ดีงามแล้ว

ด้านล่างมีช่องสำหรับระบายความร้อนของตัวเครื่อง ส่วนช่องระบายความร้อนอีกที่จะอยู่ด้านบนของตัวเครื่องระหว่างคีย์บอร์ด และหน้าจอ โดยเจ้า Zenbook 12 UX434F นั้นมาพร้อมกับ Windows 10 แท้ให้จากโรงงานติดเครื่องมาเลย ไม่ต้องมาซื้อลงเองทีหลัง

ด้านบนมาพร้อมกับกล้อง 3D IR Camera ที่สามารถใช้งานคู่กับ Microsoft Hello สำหรับทำการปลดล็อกตัวเครื่องด้วยใบหน้า โดยจะทำให้เราสามารถปลดล็อกตัวเครื่องในที่แสงน้อยได้ดี และแม่นยำขึ้นนั่นเอง

Zenbook 14 UX434F มาด้วยกัน 3 Model คือ

  1. รุ่น Core i5 ไม่มีการ์ดจอแยก ราคา 26,990 บาท
  2. รุ่น Core i5 + การ์ดจอแยก Nvidia GeForce MX250 ราคา 29,990 บาท
  3. รุ่น Core i7 + การ์ดจอแยก Nvidia GeForce MX250 ราคา 35,990 บาท *รุ่นรีวิวเป็นรุ่นนี้*

โดยรุ่นที่เราได้มารีวิวมาพร้อมขุมพลังอย่าง Intel Core i7 Gen10 อย่าง 10510U รุ่นล่าสุด ที่มี Turbo Boost สูงถึง 4.9 GHz พร้อม Ram แบบ LPDDR3 ขนาด 8 GB กับการ์ดจอแยก GeForce MX250 ที่มี VRAM แบบ GDDR5 มาให้ 2GB ซึ่งในการใช้ทำงานทั่วไป เช่น ใช้เรียน ทำงานเอกสาร การท่องเว็ป รับชมวิดีโอ 4K ต่าง ๆ ได้เหลือเฟือสบาย ๆ เลยสำหรับสเปคนี้ จนไปถึงขนาดเล่นเกม Online ที่กราฟิกไม่หนักมากทั่วไปได้สบาย ๆ อีกด้วย แต่สิ่งที่นอกเหนือจากความแรงคือ Intel Core i7 Gen10 ที่ได้ใช้ในรุ่นนี้มีการบริหารจัดการพลังงานได้ดีมาก ๆ สามารถใช้งานได้ราว ๆ 8 ชั่วโมง กับแบตเตอร์รี่แบบ lithium-polymer 3-cell ขนาด 50Wh ที่ใส่มาในตัวเครื่องที่บางเพียงเท่านี้ ถือว่าใช้งานได้อึดพอสมควรเลย

ยังไม่พอยังมาพร้อมกับ SSD แบบ PCIe® M.2 Gen3 ขนาด 512 GB ให้เลยในตัวเครื่องสำหรับ Model Core i7 ซึ่งมีสปีดการอ่านเขียนที่ไวมาก ๆ เหลือเฟือในการใช้งานแน่นอน เปิดตัวเครื่องก็ใช้เวลาไม่กี่วิเท่านั้น

แถม Zenbook 14 ตัวนี้ยังมาพร้อมกับลำโพงคู่ขนาด 1W แบบ Stereo ที่มีการจูนเสียงโดย Harman/Kardon โดยหลังจากที่ลองฟังเพลงมา ถือว่าให้เสียงที่โปร่งใสดี เสียงร้องชัด มีอิมแพ็คเบสเบา ๆ มาพอให้รู้สึกบ้าง แต่ลำโพงค่อยข้างให้เสียงที่เบา ทำให้ไม่สามารถสู้เสียงสภาพแวดล้อมได้ แต่ถ้าใช้งานในที่ ๆ ไม่มีเสียงรบกวนก็สามารถฟัเพลงได้สบาย ๆ คุณภาพเสียงใช้ได้เลย

เนื่องจากทำขอบหน้าจอบาง ๆ มาก ๆ ASUS เลยทำการย้าย Logo ASUS Zenbook มาไว้ที่ตัวเครื่องแทนสวยไปอีกแบบ

Notebook เครื่องนี้มีความหนาเพียงแค่ 16.9 mm. เท่านั้น และหนักเพียง 1.26 kg. มีขนาดเท่ากับกระดาษ A4 พอดีพกพาได้ง่าย และสะดวกสุด ๆ

มีการออกแบบดีโซน์แบบ ERGOLIFT ที่เวลาเปิดตัวเครื่องแล้วจะมีการยกระดับตัวเครื่องขึ้น 3 องศา ทำให้ช่วยให้เราสามารถพิมพ์งานได้ถนัดมากขึ้นไม่ปวดข้อมือ และช่วยในเรื่องของระบบระบายความร้อนได้ดีขึ้น แถมทำให้เสียงที่ออกจากทำโพงมีมิติมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

โดยสีที่ผมได้มารีวิวเป็นสี Royal Blue ซึ่งสวยงามดีมาก ๆ ตัดกับสีทองได้อย่างลงตัว

– สรุป –

ถือเป็น Notebook อีกตัวที่น่าสนใจไม่น้อย ถ้าใครที่กำลังมองหา Notebook รุ่นใหม่ไว้สำหรับทำงาน หน้าจอใหญ่ ๆ แต่ตัวเครื่องมีขนาดเล็ก พกพาง่าย ๆ น้ำหนักเบา เครื่องบางเฉียบ เจ้า ASUS Zenbook 14 UX434F ตัวนี้ตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียว เรื่องประสิทธิภาพก็หายห่วงได้เลยกับ CPU Intel Core i7 Gen10 ตัวล่าสุด แถม Model ที่ผมรีวิวมีการ์ดจอแยกมาให้ด้วยนะ ทำงานโหด ๆ หน่อยได้สบาย ส่วนแบตเตอรี่ก็ถือว่าอึดพอตัว คร่าว ๆ ที่ผมใช้ก็อยู่ได้ประมาณ 8 ชั่วโมง แบบใช้งานเต็มที่ในการทำงาน เรื่องที่กังวลจะมีแค่หน้าจอไม่ค่อยสู้แสงนักเท่านั้นเอง แต่โดยรวมก็ถือว่าคุ้มค่าไม่น้อยสำหรับ Notebook ตัวนี้ไม่ว่าจะเป็นลูกเล่นอย่าง ScreenPad 2.0 ที่เป็นหน้าจอที่สอง โดยเราสามารถเอาไว้ควบคุมการทำงานต่าง ๆ อย่างอื่นได้มากมาย สำหรับการรีวิวผมก็ขอจบคราว ๆ ไว้แต่เพียงเท่านี้ ไว้เจอกันในรีวิวต่อ ๆ ไป สวัสดีครับ

จุดเด่น

  1. หน้าจอ IPS สีสันสวยงามดี ถึงจะเป็นหน้าจอขนาด 14 นิ้ว แต่มาในขนาดที่เท่ากับกระดาษ A4 เท่านั้น แถมรองรับขอบเขตสีกว้างแบบ 100% sRGB
  2. มีหน้าจอที่สอง ScreenPad 2.0 สามารถใช้สำหรับควบคุมการทำงานต่าง ๆ และแสดงผลข้อมูลได้มากกว่าที่เคย
  3. ให้สเปคจัดเต็มในขนาดตัวเครื่องที่ทั้ง เล็ก บาง เบามาก ๆ กับขุมพลังใหม่ล่าสุดอย่าง Intel Core i7 Gen10 10510UNVIDIA GeForce MX250 2GB และยังให้ SSD แบบ PCIe มาถึง 512 GB จากโรงงาน
  4. ลำโพงคู่ที่จูนเสียงโดย Harman Kardon ให้มิติเสียงที่ดี 
  5. ดีไซน์บานพับแบบ ErgoLift ที่เวลาเปิดเครื่องแล้วตัวเครื่องจะยกระดับขึ้น ช่วยในการระบายความร้อน และช่วยให้ไม่ปวดข้อมือในการพิมพ์ แถมยังยกระดับหน้าจอขึ้นทำให้อยู่ในระดับสายตาไม่ปวดต้นคอ
  6. คีย์บอร์ดที่นุ่ม ระยะการกดสั้น มีระยะปุ่มที่พิมพ์สัมผัสได้ง่าย
  7. มีพอร์ท USB 3.1 Gen2 Type-C และ Micro-SD Card Reader มาให้ได้ใช้งานกัน
  8. ระบายความร้อนดี แม้ตัวเครื่องจะบาง
  9. มีกล้อง 3D IR Camera ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello ได้มีประสิทธิภาพดีมาก อยู่ในที่มืดก็ปลดล็อกได้
  10. รองรับ Wi-Fi 6 Gig+ (802.11ax) และ Bluetooth 5.0

ข้อพิจารณา

  1. จอไม่ค่อยสู้แสง และสะท้อนแสงง่าย
  2. ฝาหลังติดรอยนี้มือได้ง่ายมาก
  3. ลำโพงเสียงเบาไปหน่อย

Leave a Reply

Exit mobile version