OnePlus 7T Pro

– Spec –

  • หน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด QHD+ รีเฟรชเรท 90Hz
  • SOC Snapdragon 855+ AIE มีระบบระบายความร้อน
  • RAM 8GB LPDDR4X
  • หน่วยความจำ 256GB แบบ UFS 3.0 ไม่รองรับ MicroSD Card
  • กล้องหลังหลัก 48MP f/1.6 + กล้องเลนส์ซูม Optical 3x ความละเอียด 8MP f/2.4 OIS + กล้องเลนส์ Ultra-Wide Angle 117 องศา ความละเอียด 16MP f/2.2
  • กล้องหน้า 16MP f/2.0 แบบ Pop-Up
  • ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • ลำโพงคู่สเตอรีโอ Dolby Atmos
  • สแกนนิ้วมือบนหน้าจอ
  • Battery 4085 mAh รองรับเทคโนโลยี Warp Charge 30T
  • OS Android 10 ครอบด้วย OxygenOS 10

– อุปกรณ์ในกล่อง –

สิ่งที่คุณจะได้ไป 

1. ตัวเครื่อง OnePlus 7T Pro

2.  เคส TPU ใส กันกระแทกได้ดีในระดับนึง

3. คู่มือการใช้งาน + รายละเอียดการรับประกัน

4. สติกเกอร์ OnePlus 1 เซ็ต

5. เข็มจิ้มซิม

6. Adapter สำหรับชาร์จไฟ รองรับรับการชาร์จไว Warp Charge 30T (30W)

7. สาย USB Type-C to Type-C รองรับเทคโนโลยี Warp Charge 30T

– ลงลึกตัวเครื่อง –

OnePlus 7T Pro มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6.67 นิ้วใช้พาเนลแบบ Fluid Amoled ความละเอียด QHD+ ครอบทับด้วยกระจก Corning® Gorilla® Glass 6 ที่มีการทำขอบโค้ง 3D ตรงขอบด้านข้างทั้งสองด้าน มากับขอบหน้าจอที่บางมาก ๆ ทั้ง 4 ด้าน ไร้ติ่งกวนใจ โดยเป็นหน้าจอที่มีค่ารีเฟรชเรทสูงถึง 90 Hz สัมผัสแรกคือหน้าจอแสดงผลได้ลื่นไหลมาก ๆ ถ้าใครยังไม่เคยใช้หน้าจอ 90 Hz มาก่อนรับรองได้ว่าจะติดใจแน่นอน ขนาดที่ว่าพอไปใช้เครื่องอื่นแล้วรู้สึกขัดตาอย่างชัดเจน โดยหน้าจอให้สีสันสดใสสวยงาม รองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ และรองรับขอบเขตสีกว้างตามมาตราฐาน DCI-P3 100% แรกสัมผัสชอบมาก ๆ เป็นหน้าจอที่ทั้งสวยทั้งลื่นไหล เรียกว่าเป็นหน้าจอที่คุณภาพดีที่สุดในท้องตลาด ณ เวลานี้ก็ว่าได้

สำหรับ OnePlus 7T Pro รุ่นปกติมีมาสีเดียวคือ Haze Blue ซึ่งเป็นสีใหม่ที่ได้มีการต่อยอดมาจากรุ่นเดิม เป็นสีฟ้าที่สวยงาม เมื่อมีการสะท้อนกับแสงสีฟ้าก็จะมีการเหลือมของสีที่สว่างขึ้น โดยฝาหลังใช้วัสดุที่เป็นกระจก Corning® Gorilla® Glass 5 ที่มีการเคลือบผิวแบบด้านทำให้ตัวเครื่องจับกระชับมือมากยิ่งขึ้น ไม่ลื่น ไม่จับรอยนิ้วมือ แถมเมื่อสะท้อนแสงยังสวยงามสุด ๆ โดยด้านข้างตัวเครื่องทั้งสองด้านมีการทำขอบโค้ง 3D ที่ช่วยให้จับกระชับมือมากยิ่งขึ้น โดยมีน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ประมาณ 206 กรัม

มาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลัก มาพร้อมกล้องความละเอียดสูง 48 MP ใช้เซ็นเซอร์ Sony® IMX586 มีขนาด 0.8µm รูรับแสงกว้าง  ƒ/1.6 กล้องตัวนี้จะใช้เทคโนโลยี 4-in-1 Super Pixel ในการถ่ายในที่แสงน้อยความละเอียดที่ได้จากกล้องนี้จะออกมาที่ 12MP มีกันสั่น OIS ต่อมาเป็นกล้องเลนส์ Tele ความละเอียด 8MP มี ขนาด 1.0µm รูรับแสง ƒ/2.4 สามารถซูมได้ 3X โดยไม่สูญเสียรายละเอียด มีกันสั่น OIS และสุดท้ายเป็นกล้องเลนส์ไวด์กว้าง 117 องศา ความละเอียด 16MP รูรับแสง ƒ/2.2 (Auto Focus) กับระยะ 13mm

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีเพียง ปุ่ม เพิ่ม-ลด เสียง

ด้านขวาตัวเครื่องมีแถบสไลด์สำหรับเปลี่ยนโปรไฟล์เสียงโดยมี 3 ระดับ คือ เงียบ > สั่น > เปิดเสียง ต่อมาจะเป็น ปุ่ม เปิด-ปิด เครื่องหรือล็อกหน้าจอ โดยเฟรมเครื่องเป็นวัสดุอลูมิเนียมที่ทำการชุบโครเมี่ยมเพื่อเพิ่มความเงางาม มีการไล่สีจากสีฟ้าไปเป็นสีเงิน

ด้านล่างของตัวเครื่อง ซ้ายสุดเป็นถาดสำหรับใส่ซิมการ์ดรองรับการใช้งาน 2 ซิมเป็นแบบ Dual Slot (ไม่รองรับการใส่ SD Card เพิ่ม) ถัดมาเป็น Port USB Type-C รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว Warp Charge 30T แบบ 30W โดยมีการพัฒนาเพิ่มเติมจาก Warp Charge 30 ให้สามารถชาร์จไปเล่นไปได้ โดยมีอุณหภูมิในการชาร์จที่ต่ำ และปลอดภัยมากกว่าเดิม มี Adapter แถมมาให้ในกล่องเลย ส่วนรูด้านข้าง Port USB Type-C นั่นเป็นไมค์คู่สองตัวสำหรับรับเสียงนั่นเอง ส่วนด้านขวาสุดก็เป็นลำโพงตัวที่สองโดยรุ่นนี้มาพร้อมกับลำโพงคู่แบบ Stereo โดยลำโพงอีกตัวอยู่ด้านบนของตัวเครื่องที่เป็นลำโพงสนทนานั้นเอง มากับเทคโนโลยี Dolby Atmos ด้วย ส่วน Port 3.5 mm. นั้นโดยตัดทิ้งไปแล้ว และก็ไม่มี Adapter แปลงแถมมาให้ด้วยนะ

ด้านบนตัวเครื่อง ขวาสุดเป็นไมค์ตัวที่สามสำหรับตัดเสียงรบกวน ส่วนซ้ายสุดเป็นกล้องหน้าแบบ POP-UP นั่นเอง

ด้านบนตัวเครื่องมาพร้อมกับกล้องหน้าแบบ POP-UP ความละเอียด 16 MP มีขนาดอยู่ที่ 1.0μm พร้อมรูรับแสง ƒ/2.0 ครอบทับด้วยกระจก Sapphire กันรอยขีดข่วน ถัดไปจะเป็นลำโพงสำหรับสนทนาอยู่ตรงขอบหน้าจอ โดยทำหน้าที่เป็นลำโพง Stereo ด้วยคู่กับลำโพงด้านล่าง

รุ่นนี้มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยด้วยการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และการสแกนใบหน้าแบบ 2 มิติ สัมผัสแรกเซ็นเซอร์สแกนนิ้วทำได้รวดเร็วแม่นยำดี แต่ก็ยังคงมีบางจังหวะที่ช้า ๆ อยู่บ้าง น่าจะเป็นที่ Software รอการอัพเดทแก้ไข เพราะปกติในรุ่นก่อนหน้านี้ทำได้แม่นยำ และเร็วมาก ๆ ทำได้ดีที่สุดในท้องตลาดก็ว่าได้ ส่วนเวลาปลดล็อคด้วยใบหน้ากล้องหน้าจะเด้งขึ้นมาเพื่อทำการสแกนใบหน้า ทำได้เร็ว และแม่นยำสุด ๆ

หน้าตาเมื่อใส่เคสที่แถมมาให้ ฝาหลังสีนี้ต้องยอมรับว่าสวยจริง ๆ

OnePlus 7T Pro มาพร้อมกับ RAM 8 GB และหน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.0 ความจุ 256 GB โดยมีการเพิ่มแบตเตอร์รี่มาเล็กน้อยเป็น 4085 mAh

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม เดี๋ยวไว้ผมจะมารีวิวฉบับเต็มให้ได้ชมกันครับ อดใจรอก่อนนะ ใครอยากรู้อยากให้ทดสอบอะไร คอมเม้นบอกกันไว้ได้เลย ขอเวลาทดสอบก่อนนะบ้ายบาย

📌 OnePlus 7T Pro รุ่น 8/256GB วางจำหน่าย 1 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Haze Blue ราคา 26,990 บาท เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม นี้ เป็นต้นไป สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ AISOnlineStore, JDCentral, LAZADA วาร์ปสั่งซื้อ ➡️http://bit.ly/2JFM10b หรือบนหน้าเว็บ https://oneplus7tseries.onlineoneplus.com/ ส่วน OnePlus 7T Pro McLaren Limited Edition เริ่มเปิดวางจำหน่ายเร็วๆนี้

Leave a Reply