ขอกราบสวัสดีทุกท่านอีกเช่นเคย วันนี้ผมจะมารีวิวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Samsung ที่มาพร้อมกับปากกา ก็คงเป็นรุ่นไหนไปไม่ได้นอกจากเจ้า Galaxy Note 10+ นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าเป็นมือถือที่คนให้ความสนใจกันเยอะมาก เพราะถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนตัวท็อปสุดของ Samsung ที่จะอัดแน่นเทคโนโลยีมาเต็ม ๆ โดย Galaxy Note10+ มาพร้อมกับฟีเจอร์เด็ด ๆ มากมาย อย่างหน้าจอคุณภาพสูงโดยรอบนี้มีการเจาะรูตรงกลางจอมาด้วย ส่วนกล้องก็มีการอัพเกรดเพิ่มเติมมาเป็น 4 ตัว มีการเพิ่ม DepthVision Camera เข้ามาช่วยเพิ่มความเทพในการตัดขอบในเนียนขึ้นในใช้กับโหมด Live Focus, Ar doodle, 3D Scan ส่วนปากกาก็มีอัพเกรดความสามารถในการสั่งการดั่งเราใช้เวทมนต์กับ Air Action มือถือรุ่นนี้จะมีจุดเด่นอะไรน่าสนใจอีกบ้าง และหลังจากผมใช้งานแล้วรู้สึกอย่างไรเหมาะกับคุณไหม ไปเริ่มที่อุปกรณ์ในกล่องกันเลยว่ามีอะไรมาให้บ้าง ไปดูกันให้รู้เรื่องกันเลยครับ

– อุปกรณ์ในกล่อง –

สิ่งที่คุณจะได้ไป 

1. ตัวเครื่อง Galaxy Note 10+ พร้อมปากกา S Pen

2.  เคส TPU ใส

3. คู่มือการใช้งาน

4. ใบรายละเอียดการรับประกัน

5. เข็มจิ้มซิม

6. Adapter ชาร์จไฟรองรับการชาร์จไว 25W

7. สาย USB Type-C

8. หูฟัง USB Type-C Tune By AKG พร้อมไมค์สนทนา และจุกหูฟังสำหรับเปลี่ยนขนาด 2 คู่

9. ที่ถอดหัวปากกา และหัวปากกาสำรองสำหรับ S Pen

10. ฟิลม์กันรอยหน้าจอ ติดมาให้ที่ตัวเครื่องเลย

– ลัดเลาะรอบเครื่อง –

Galaxy Note 10+ มาพร้อมกับหน้าจอ Dynamic Amoled Infinity-O Display ขนาดใหญ่ถึง 6.8 นิ้ว Quad HD+ ที่รองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ ครอบทับด้วยกระจก Corning® Gorilla® Glass 6 มีความสว่างสูงสุดถึง 1200 nit ในการใช้งานสามารถสู้แสงแดดแรง ๆ ได้สบายเลย และมี contrast ratio สูงถึง 2,000,000:1 ไล่สีได้เนียนตาสุด ๆ แน่นอนอยู่แล้วว่าถ้าพูดถึงหน้าจอดี ๆ คุณภาพสูงที่สุดก็คงต้องยกให้ Samsung เขาเลยในการใช้งานจริงผมชอบมาก ๆ หน้าจอให้สีสันสดใสดี สว่าง คมชัดสบายตา จะให้พูดว่าเป็นหน้าจอสมาร์โฟนที่ดีที่สุดในท้องตลาดเลยก็คงจะได้ไม่เคยทำให้ผิดหวังจริง ๆ ส่วนขอบของหน้าจอจะมีการทำขอบโค้ง 3D นิด ๆ ซึ่งโค้งน้อยลงกว่ารุ่นก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก อันนี้ผมชอบมากที่ขอบโค้งน้อยลงเพราะส่วนตัวไม่ค่อยชอบจอขอบโค้งเท่าไหร่

*เขาติดฟิลม์มาให้กับเครื่องตั้งแต่แกะกล่องเลยนะซึ่งฟิลม์ตัวนี้ดีมาก ๆ ไม่จำเป็นต้องติดเพิ่มเลยถ้าไม่กลัวแตก*

ในรุ่นนี้ ปุ่มปรับระดับเสียง และ เปิด-ปิดเครื่องจะถูกย้ายมาอยู่ด้านซ้ายเครื่องทั้งหมด (ไม่ค่อยชินสักเท่าไหร่) สังเกตุว่าปุ่ม Bixby หายไปแล้วเพราะเขาย้ายไปรวมกับปุ่มเปิด-ปิดเครื่องแทน เรียกใช้งาน Bixby โดยการกดปุ่มเปิด-ปิดเครื่องค้างไว้สัก 2-3 วิ ส่วนการปิดเครื่องจะใช้การกดปุ่มปิดเครื่องพร้อมกับปุ่มลดระดับเสียง ค้างไว้ 2-3 วิ ส่วนการแคปหน้าจะต้องกดปุ่มปิดเครื่องพร้อมกับปุ่มลดระดับเสียงสั่น ๆ เท่านั้น

ด้านขวาของตัวเครื่องโล่งไร้ปุ่มใด ๆ สังเกตุว่าฝาหลังจะมีขอบโค้ง 3D มาจนถึงด้านข้างเครื่องเลย ช่วยให้สามารถจับกระชับมือมากยิ่งขึ้นและเพิ่มความสวยงามด้วยเวลาโดนแสงแดดที่ขอบด้านข้างเครื่องจะมีแสงเป็นสีรุ้งสวยงามสุด ๆ

ด้านบนของตัวเครื่องมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดเป็นแบบ Hybrid Slot รองรับการใช้งาน 2 SIM หรือการใช้อีกช่องสำหรับใส่ Micro-SD Card เพิ่มเติม โดยรองรับความจุสูงสุดถึง 1 TB

ด้านล่าง ขวาสุดของตัวเครื่องเป็นที่อยู่ของปาก S Pen ถัดมาจะเป็นลำโพง ส่วนตรงกลางคือ Port USB Type-C สำหรับชาร์จไฟ หรือถ่ายโอนข้อมูล โดยรองรับเทคโนโลยีการชาร์จไว 25W และสูงสุดที่ 45W (ที่ต้องซื้อ Adapter เพิ่มเติม) ซ้ายสุดเป็นไมค์สำหรับรับเสียง

*โดนตัดช่อง 3.5 mm. ออกไปแล้ว และสายแปลงต้องใช้ของ Samsung แท้เท่านั้นไม่สามารถใช้สายอื่นทดแทนได้*

Galaxy Note 10+ มาด้วยกัน 3 สีคือ Aura Glow, Aura White, Aura Black ซึ่งที่ผมได้มาจะเป็นสี Aura Glow ซึ่งชอบมากสีมันสวยงามสุด ๆ โดยเฉพาะเวลาโดนแสงแดด น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 196 กรัม มาพร้อมกับ Battery 4,300 mAh

รุ่นนี้มาพร้อมกับกล้องถึง 4 ตัว โดยกล้องหลักจะเป็นกล้องเลนส์ไวด์ความละเอียด 12 MP โดยมีรูรับแสงแบบ Adaptive aperture สองค่าคือ F1.5 และ 2.4 ที่จะปรับตามสถาพแสงอัตโนมัติ ถัดมาด้านบนเป็นกล้องเลนส์อัลตราไวด์มุมกว้างถึง 123 องศา ความละเอียด 16 MP รูรับแสงที่ F2.2 ด้านล่างสุดเป็นกล้องเลนส์เทเลความละเอียด 12 MP ค่ารูรับแสงที่ F2.1 ท้ายสุดพระเอกที่เพิ่มเข้ามาคือกล้อง DepthVision Camera ที่มาเพิ่มความเทพในรุ่นนี้อย่างมาก โดยเข้ามาช่วยในการตรวจจับวัตถุ และทำการหาระยะความชัดลึกชัดตื้นของภาพต่าง ๆ ทำขอบในการเบลอของโหมด Live Focus ให้ดียิ่งขึ้น แถมยังสำคัญมากในการทำ Ar ในโหมด Ar Doodle หรือ 3D Scan เป็นอย่างมาก แต่ในการตัดขอบในการถ่ายภาพบุคคลก็ทำได้ดีขึ้นแต่ก็ยังมีแอบไม่เนียนอยู่บ้าง สำหรับผมเรื่องกล้องในรุ่นนี้จากที่ได้ใช้งาน ค่อนข้างประทับใจมากโดยชอบที่สุดจะเป็นกล้องเลยอัลตราไวด์ที่มุมกว้างมาก และเลนส์คุณภาพดีเก็บแสงกับขอบภาพได้ดีมาก ๆ ถึงมุมกว้างมากแต่ความบิดเบี้ยวของภาพก็ถือว่าน้อยมาก ส่วนการถ่ายวิดีโอยังทำได้เทพเหมือนเดิม โดยรอบนี้ก็มีการพัฒนาเทคโนโลยีในโหมด Super Steady ให้นิ่มกว่าเดิมอีกด้วย

Galaxy Note 10+ มาพร้อมกับ Ultrasonic fingerprint scanner ที่มีความปลอดภัยสูง ในการใช้งานจริงผมรู้สึกว่าค่อนข้างตอบสนองช้าไปหน่อย และพื้นที่ในการสแกนนิ้วมือค่อยข้างเล็กทำให้สแกนไม่ติดบ่อยครั้ง จึงเหมาะกับการใช้งานที่เน้นความปลอยถัยสูง เช่น การชำระเงินต่าง ๆ มากกว่า ส่วนในการปลดล็อกตัวเครื่องผมก็แนะนำให้ใช้การสแกนใบหน้าจะสะดวก รวดเร็ว และแม่นยำกว่ามาก

Digital Text Conversion

ฟังก์ชั่นนี้จะช่วยแปลงลายมือของเราให้กลายเป็นเป็นตัวพิมพ์อันสวยงามได้อย่างง่ายดาย แปลงได้แม่นยำอยู่ ขนาดลายมือแย่ ๆ ของผมยังอ่านออกเลย

S-Pen Air Action

โหมดนี้เป็นฟังก์ชั่นที่เพิ่มเติมเข้ามาในปากการุ่นใหม่นั่นเอง อย่างกับปากกาวิเศษ

Zoom-in Mic

ฟังก์ชั่น Mic Zoom เวลาถ่ายวิดีโอแล้วเราซูมภาพ จะสามารถซูมเสียงจากแหล่งกำเนิดเสียงได้ชัดเจนมากขึ้น เหมือนเราไปยืนอยู่ใกล้ ๆ อันนี้เจ๋งมาก เป็นที่มาของการมี Mic รับเสียง 3 ตัวรอบเครื่อง

Ar Doodle

โหมด Ar Doodle ที่ใช้ร่วมกับ S Pen ในการสร้างสรรค์งานวิดีโอสนุก ๆ ได้มากขึ้น จับวัตถุได้แม่นยำมากเพราะมี DepthVision Camera

Live focus video

ถ่ายวิดีโอหน้าชัดหลังละลาย หรือใส่เอฟเฟคต่าง ๆ ได้เรียวไทม์สบาย ๆ โดยใช้ DepthVision Camera เข้ามาช่วย

Super steady

ระบบกันสั่นเดิมใน S10+ ที่ว่าเทพแล้ว รอบนี้เทพกว่าเดิมไปอีกขั้นจากการปรับปรุงซอฟต์แวร์เพิ่มเติม

Link to Windows

เราสามารถทำการเชื่อมต่อข้อมูลกับระบบปฎิบัติการ Windows OS ได้ด้วย Link to Windows ที่ทำให้สามารถถ่ายโอนข้อมูลต่าง ๆ ระหว่างมือถือ กับ คอมพิวเตอร์ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น แถมดูข้อความ และแจ้งเตือนต่าง ๆ ของมือถือเราได้จากในคอมพิวเตอร์เลย

– ประสิทธิภาพ –

Galaxy Note 10+ มาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 9825 ที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งก็แรงเกินพอสำหรับการใช้งานทั่วไปแน่นอน สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล ทำงานหนักแค่ไหน หรือเล่นเกมหนักหน่วงเพียงใดก็เอาอยู่ แถมยังพ่วงมากับหน่วยความจำความเร็วสูงอย่าง UFS 3.0 ตัวใหม่ที่มีความเร็วในการอ่านเขียนสูงมากเวลาจะทำอะไรที่ต้องอ่านเขียนข้อมูลไว้ เช่น เล่นเกม ลงแอฟพลิเคชั่น จะเห็นผลได้ชัดเจนแน่นอน โดยมีความจุให้เลือกสองขนาดคือ 256GB/512GB แถมยังมาพร้อมกับแรม RAM 12GB ที่เหลือกินเหลือใช้

– ทดสอบการเล่นเกม –

ในการเล่นเกม สามารถเล่นเกมยอดฮิตในปัจจุบันทั้งหมดได้สบาย ๆ สามารถปรับกราฟิกได้สุด ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมได้ดีมาก ๆ แถมเมื่อรวมกับหน้าจอใหญ่ ให้สีสันที่ดี สัมผัสลื่นไหล และถึงลำโพงที่ให้เสียงดังรอบทิศทาง ทำให้เหมาะกับการเล่นเกมเป็นอย่างมาก หลังจากเล่นเกมแล้ว ความร้อนก็อยู่ที่ประมาณ 38 องศา (ทดสอบในห้องอุณหภูมิ 25 องศา) ถือว่าไม่ร้อนเลยเล่นเกมได้สบาย ๆ เพราะมีระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแบบเดียวกับที่อยู่ใน Heat Sink ที่ใช้ในคอมพิวเตอร์อีกด้วย

–  ภาพถ่ายกล้องหลัง  –

Normal

Ultra-Wide

Tele

Live Focus

Night

– ภาพถ่ายกล้องหน้า –

Normal

Ultra-wide

สามารถดูรูปภาพเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์นี้เลยจ้า

https://photos.app.goo.gl/ojzjqAsM2kdpNAzB9

บทสรุป

หลังจากที่ได้ใช้งาน Samsung Galaxy Note 10+ เครื่องนี้มาผมค่อนข้างประทับใจ เพราะรุ่นนี้ได้รวมเทคโนโลยี และจุดเด่นต่าง ๆ มาใส่มาให้แบบจัดเต็ม สิ่งที่ประทับใจมากที่สุดคือหน้าจอที่ใหญ่เต็มตา และให้สีสันที่ดี แถมยังให้ให้ลำโพง และไมค์มาถึง 3 ตัว กล้องก็มีการอัพเกรดเพิ่มเติมมากขึ้น ถูกใจที่สุดคือกล้องเลนส์ Ultra-wide ที่ให้มุมกว้างถึง 123 องศา ทำให้ถ่ายภาพได้สนุกขึ้น โหมด Super Steady ก็ทำวีดีโอออกมาได้นิ่มสุด ๆ การใช้งานแบตเตอร์รี่สามารถอยู่ได้เต็มวันสบาย ๆ แถมมีชาร์จไวมาให้ละนะ มีปากกาที่ช่วยทำให้วาดภาพ หรือจดโน็ตได้สะดวกมาก ๆ แถมยังเพิ่มความสามารถให้ปากกาสามารถสั่งการได้ด้วย Air Action โดยรวมรุ่นนี้ เหมาะสำหรับคนที่ใช้มือถือทำงานจริงจังในด้านต่าง ๆ เป็นหลัก โดยต้องการความสำดวกสบายที่สามารถมาช่วยในการทำงานได้ เช่น Graphic Design, Content Creator, Architecture เป็นต้น จากที่ผมกล่าวมาทั้งหมดถ้าใครมีลักษณะการใช้งานที่เน้นในแบบที่ผมได้กล่าวมาข้างต้นเจ้า Galaxy Note 10+ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ กับเทคโนโลยีที่ให้มาแน่นสุด ๆ แบบนี้คุ้มกับราคาค่าตัวแน่นอน สำหรับการรีวิว Samsumg Galaxy Note 10+ ผมก็ขอจบไว้แต่เพียงเท่านี้ไว้เจอกันในบทความถัดไป กราบสวัสดีครับ

จุดเด่น

  1. หน้าจอใหญ่ จอสวย สีสันดีงาม แถมรองรับการแสดงผล HDR 10+ ด้วย
  2. ให้แบตเตอร์รี่มา 4300 mAh ที่สามารถใช้งานได้เต็มวันสบาย พร้อมระบบชาร์จไว 25W
  3. กล้องหลังคุณภาพสูง มีเลนส์ไวด์กว้างถึง 123 องศา ที่ถ่ายออกมาสวยงาม แถมกล้องหลังหลักยังมี Adaptive Aperture ที่ทำให้ภาพที่ได้ออกมาสวยทุกสถานการณ์
  4. ฝาหลังมีดีไซด์ที่สวย สีโด่ดเด่นมาก ๆ แถมดีไซด์เครื่องก็จับกระชับเข้ามือ
  5. รองรับการใช้งาน 2 SIM แถมสามารถใส่ Micro SD-Card เพิ่มความจุได้สูงสุดถึง 1TB
  6. มีระบบสแกนลายนิ้วมือที่มีความปลอดภัยสูง
  7. มาพร้อมลำโพง 3 ตัว และไมค์ 3 ตัว
  8. จอโค้งน้อยลงกว่ารุ่นก่อน

ข้อพิจารณา

  1. ถูกตัดช่องหูฟัง 3.5 mm. ไปสะแล้ว
  2. เครื่องใหญ่มาก บางคนอาจจะไม่ชอบ หรือลำบากในการพกใส่กระเป๋ากางเกง
  3. ปากกาเราได้ใช้จริงมากน้อยขนาดไหน

วาร์ปในการสั่งซื้อ

12/256 GB https://bit.ly/2VK0JYG

12/512 GB https://bit.ly/2Bp4KbP

Leave a Reply