(YoY) โดยเติบโตทั้งรายได้และกำไรสูงกว่าประมาณการส่วนใหญ่ แม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรค ยอดขายผลิตภัณฑ์หลักฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง และกลับสู่ระดับเดิมก่อนเกิดวิกฤตโรคระบาดทั่วโลก

กรุงเทพฯ, 25 พฤษภาคม 2563 — เสียวหมี่ คอร์ปอเรชัน (Xiaomi; Stock Code: 1810) บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านอินเทอร์เน็ตที่ก้าวเป็นหนึ่งในผู้นำด้านสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) เปิดเผยผลการดำเนินงานไม่สอบทานจากไตรมาส สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 พร้อมเดินหน้าสานต่อตำนาน กับ 3 สุดยอดสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Redmi Note 9 Pro และ Redmi Note 9 ร่วมด้วย Mi Note 10 Lite ลุยทำตลาดไทยในไตรมาส 2 ปีนี้

ในไตรมาสแรกของปี 2563 เสียวหมี่ประสบความสำเร็จในการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกเซ็กเมนต์ โดยมีรายรับรวมอยู่ที่ 49.7 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 13.6 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) เมื่อเทียบปีต่อปี และมีกำไรสุทธิหลังการปรับปรุง 2.3 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 10.6 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)

จากข้อมูลของ Canalys ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาด เสียวหมี่ประสบความสำเร็จในการฝ่าฟันอุปสรรคจากการชะลอตัวของตลาดและสามารถมีการเติบโตของยอดการจัดส่งเมื่อเทียบปีต่อปีสูงสุดในบรรดาบริษัทสมาร์ทโฟนชั้นนำในอันดับ 5 ของโลก ในขณะเดียวกันอัตราการเข้าถึง 5G ของสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ในประเทศจีนอยู่ที่ระดับ 25.9% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในตลาดสมาร์ทโฟน 5G และการใช้กลยุทธ์ Dual-Engine “สมาร์ทโฟน + AIoT” ที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย

ข้อมูลสำคัญทางการเงิน ไตรมาสที่ 1 ปี 2563

  • รายรับรวมอยู่ที่ประมาณ 49.7 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 13.6 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) สูงกว่าประมาณการส่วนใหญ่
  • กำไรขั้นต้นอยู่ที่ประมาณ 7.56 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 44.9 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)
  • กำไรสุทธิที่ยังไม่ได้ปรับปรุงตาม IFRS อยู่ที่ 2.3 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 10.6 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) สูงกว่าประมาณการส่วนใหญ่
  • ค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาอยู่ที่ 1.9 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 13.4 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)

นายเหลย จวิน ผู้ก่อตั้ง ประธานกรรมการ และซีอีโอของ เสียวหมี่ กล่าวว่า “แม้ว่าอุตสาหกรรมจะกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างรุนแรง แต่กลุ่มบริษัทเสียวหมี่ยังคงมีการเติบโตในทุกเซ็กเมนต์ท่ามกลางภาวะตลาดที่ตกต่ำ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่น การปรับตัว และขีดความสามารถในการแข่งขันของรูปแบบธุรกิจของเสียวหมี่ ในไตรมาสแรกของปี 2563 เรายังถูกจัดให้อยู่ใน ‘Forbes’ Global 2000′ อีกครั้งในปีนี้ ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงการเป็นที่ยอมรับของเสียวหมี่ในตลาดทุนต่างประเทศ เราเชื่อว่าวิกฤตถือเป็นบททดสอบที่ดีที่สุดถึงมูลค่าของบริษัท รูปแบบธุรกิจ และศักยภาพในการเติบโต เมื่อผลกระทบจากวิกฤตโรคระบาดเริ่มบรรเทาลง เราจะยังคงให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ ‘5G + AIoT’ และเพิ่มความแข็งแกร่งในขนาดของการลงทุนของเรายิ่งขึ้นเพื่อให้ทุกคนในโลกมีความสุขกับชีวิตที่ดีขึ้นจากเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม”

ทบทวนผลการดำเนินงาน ไตรมาสที่ 1 ปี 2563

กลยุทธ์ “Dual-Brand” ให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม
ครองตำแหน่งผู้นำในตลาด 5G

ในไตรมาสแรกของปี 2563 รายรับของเสียวหมี่ในกลุ่มสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 30.3 พันล้านหยวนเพิ่มขึ้น 12.3 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) มียอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนถึง 29.2 ล้านเครื่องในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 4.7 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากข้อมูลของ Canalys ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 เสียวหมี่ได้อันดับที่ 4 จากทั่วโลกในด้านยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟน และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 11.1 % ซึ่งทำให้เสียวหมี่เป็นเพียงหนึ่งในสองบริษัทสมาร์ทโฟนชั้นนำระดับท็อป 5 ของโลกที่สามารถรักษาอัตราการเติบโตของยอดการจัดส่ง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) เอาไว้ได้

เสียวหมี่ยังคงใช้กลยุทธ์ Dual Brand ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมในไตรมาสแรกของปี 2563 โดย Mi 10 และ Mi 10 Pro มียอดการจัดส่งเกิน 1 ล้านเครื่องในเวลาเพียงสองเดือนหลังจากการเปิดตัวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 แบรนด์ Redmi ยังคงออกผลิตภัณฑ์ที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงในราคาต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้เปิดตัวรุ่นแฟล็กชิพ K series Redmi K30 Pro และ Redmi K30 Pro Zoom Edition และหลังจากความสำเร็จของ Redmi Note 8 ซีรีย์ ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุดอันดับสองของโลกในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 จากข้อมูลของ Canalys เสียวหมี่ได้เปิดตัว Redmi Note 9S และ Redmi Note 9 Pro ในตลาดต่างประเทศ

ด้วยแรงหนุนจากสมาร์ทโฟนรุ่นพรีเมี่ยม ราคาขายเฉลี่ยของสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่จึงเพิ่มขึ้น 7.2 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ในไตรมาสแรกของปี 2563 และราคาขายเฉลี่ยของสมาร์ทโฟนในจีนแผ่นดินใหญ่และตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น 18.7 % และ 13.7 % ตามลำดับ

ธุรกิจ IoT เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ขับเคลื่อนโดยรากฐานธุรกิจที่มั่นคง

ในไตรมาสแรกของปี 2563 รายรับของเสียวหมี่ในกลุ่ม IoT และผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์อยู่ที่ 13.0 พันล้านหยวน การนำเสนอผลิตภัณฑ์ IoT ที่หลากหลายของเสียวหมี่ผนวกกับรากฐานธุรกิจที่มั่นคง ทำให้กลุ่มบริษัทเสียวหมี่ประสบความสำเร็จในการมีรายรับเพิ่มขึ้น 7.8 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้จะมีวิกฤตโรคระบาด

ในฐานะผู้นำแพลตฟอร์ม IoT สำหรับผู้บริโภคชั้นนำของโลก จำนวนอุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่อ (ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป) บนแพลตฟอร์ม IoT ของเสียวหมี่เพิ่มขึ้นเป็น 252 ล้านหน่วย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 โดยเพิ่มขึ้น 42.6 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ จำนวนผู้ใช้ที่มีอุปกรณ์ 5 เครื่องขึ้นไปที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม IoT ของ บริษัท (ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป) ยังมีจำนวนถึง 4.6 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้น 67.9 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในเดือนมีนาคม 2563 ผู้ช่วย AI “小愛同學” มีผู้ใช้งานถึง 70.5 ล้านคนต่อเดือน เพิ่มขึ้น 54.9 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนแอปพลิเคชัน Mi Home มีผู้ใช้งานถึง 40 ล้านคนต่อเดือน เพิ่มขึ้น 53.3 % มื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 แม้ว่ายอดขายโทรทัศน์ทั่วโลกจะลดลงจากวิกฤตโรคระบาด แต่การยอดการจัดส่งสมาร์ททีวีทั่วโลกของเสียวหมี่ยังคงเพิ่มขึ้น 3 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 2.7 ล้านเครื่อง โดยยังคงความเป็นผู้นำในธุรกิจสมาร์ททีวีทั้งในจีนแผ่นดินใหญ่และตลาดต่างประเทศ บริษัท วิจัย All View Cloud (“AVC”) ระบุว่าในไตรมาสแรกของปี 2563 ยอดการจัดส่งโทรทัศน์ของเสียวหมี่ในจีนแผ่นดินใหญ่อยู่ในอันดับที่ 1 ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 5 อีกทั้งยังติดอยู่ในหนึ่งในห้าอันดับแรกในยอดการจัดส่งโทรทัศน์ทั่วโลกอีกด้วย

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 เสียวหมี่เปิดตัว AX3600 ซึ่งเป็นเราเตอร์ AIoT ที่รองรับ WiFi 6 ทำให้เสียวหมี่เป็นแบรนด์แรกในประเทศจีนที่รองรับเทคโนโลยี WiFi 6 จากอุปกรณ์ปลายทางไปยังเราเตอร์ โดยยอดขายเราเตอร์ของเสียวหมี่เพิ่มขึ้น 124 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนในไตรมาสแรกของปี 2563 และจากข้อมูลของ AVC เสียวหมี่ได้อันดับ 2 ในประเทศจีนในด้านยอดการจัดส่งเราเตอร์ออนไลน์ นอกจากนี้ยอดขายของหูฟังไร้สาย Mi True, Mi Band, Mi Electric Scooter และ Mi Robot Vacuum ยังเพิ่มขึ้นถึง 619.6%, 56.0%, 40.7% และ 40.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ

จากข้อมูลของ Canalys เสียวหมี่เป็นอันดับที่ 1 ในด้านยอดของการจัดส่งสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าและอุปกรณ์สวมใส่ข้อมือ และอันดับที่ 3 ในด้านยอดการจัดส่ง True Wireless Stereo (“TWS”) ทั่วโลกในปี 2562 และจากข้อมูลของ iResearch เสียวหมี่เป็นอันดับที่ 1 ในด้านยอดของการจัดส่งสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าทั่วโลกในปี 2562 อีกด้วย

ธุรกิจในต่างประเทศเติบโตแม้ต้องเผชิญกับอุปสรรค

รายรับรวมครึ่งหนึ่งมาจากตลาดต่างประเทศ

รายรับจากต่างประเทศของเสียวหมี่เพิ่มขึ้น 47.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 24.8 พันล้านหยวน ในไตรมาสแรกของปี 2563 ซึ่งคิดเป็น 50.0% ของรายรับทั้งหมด ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่รายรับจากต่างประเทศคิดเป็นครึ่งหนึ่งของรายรับทั้งหมด

ในไตรมาสแรกของปี 2563 สมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 31.2 % ของยอดการจัดส่งในอินเดียและเป็นอันดับที่ 1 ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 11 จากข้อมูลของ IDC โดยเสียวหมี่ได้ยกระดับความเป็นผู้นำในตลาดอินเดีย และมีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาดประเทศใกล้เคียง จากข้อมูลของ Canalys เสียวหมี่เป็นอันดับที่ 1 ในยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนในประเทศเนปาลในไตรมาสแรกของปี 2563 โดยมีส่วนแบ่งการตลาดถึง 30.9 % ซึ่งเทียบเท่ากับส่วนแบ่งการตลาดของ บริษัท สมาร์ทโฟนอันดับ 2 และอันดับ 3 รวมกัน

นอกจากนี้ เสียวหมี่ยังมีการเติบโตที่โดดเด่นในตลาดต่างประเทศที่สำคัญ จากข้อมูลของ Canalys ในไตรมาสแรกของปี 2563 เสียวหมี่มียอดขายสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น 58.3 % เมื่อเทียบปีต่อปี ในตลาดยุโรป โดยคิดเป็นสัดส่วน 14.3 % ของส่วนแบ่งตลาดและติดอยู่ในท็อป 4 นอกจากนั้นเสียวหมี่ยังติดอยู่ในท็อป 4 ในประเทศอิตาลี ฝรั่งเศส และเยอรมนี จากข้อมูลของ Canalys ยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ในยุโรปตะวันตกเพิ่มขึ้น 79.3 % เมื่อเทียบปีต่อปี ในประเทศสเปน เสียวหมี่กลายเป็นบริษัทสมาร์ทโฟนอันดับ 1 ด้วยยอดการจัดส่งที่มีส่วนแบ่งตลาดถึง 28.0 % ในละตินอเมริกา เสียวหมี่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในอันดับที่ 5 จากยอดการส่งมอบสมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้น 236.1 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ตลาดโดยรวมกำลังถดถอย นอกจากนี้ยอดการส่งมอบสมาร์ทโฟนในตะวันออกกลางและแอฟริกาของเสียวหมี่ยังเพิ่มขึ้น 55.2 % และ 284.9 % ตามลำดับ

รายรับจากบริการอินเทอร์เน็ตโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

รายรับจากการให้บริการอินเทอร์เน็ตของเสียวหมี่อยู่ที่ 5.9 พันล้านหยวนในไตรมาสแรกของปี 2563 ซึ่งเพิ่มขึ้น 38.6 % เมื่อเทียบปีต่อปี กิจกรรมของผู้ใช้และเวลาที่ใช้บนอุปกรณ์เพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2563 โดยในเดือนมีนาคม 2563 จำนวนผู้ใช้รายเดือนของ MIUI เพิ่มขึ้น 26.7 % เมื่อเทียบปีต่อปี เป็น 330.7 ล้านคน ในขณะที่จำนวนผู้ใช้รายเดือนของ MIUI ในจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มขึ้นเป็น 111.5 ล้านคน

ด้วยการใช้วิธีการสร้างรายได้ที่หลากหลาย รวมถึงการแสวงหา การติดตั้งล่วงหน้า ฟีดข่าว รวมไปถึงการขยายฐานผู้โฆษณาในหลากหลายอุตสาหกรรม และการเพิ่มประสิทธิภาพของอัลกอริทึม ทำให้ รายรับจากโฆษณาจึงเพิ่มขึ้นเป็น 2.7 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 16.6 % เมื่อเทียบปีต่อปี นอกจากนี้ เนื่องจากตลาดเกมออนไลน์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในจีนแผ่นดินใหญ่และรายรับเฉลี่ยเกมออนไลน์ต่อผู้ใช้ที่สูงขึ้นจากผู้ใช้สมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยม รายรับจากเกมออนไลน์จึงเพิ่มขึ้น 80.5 % เมื่อเทียบปีต่อปี เป็น 1.5 พันล้านหยวนในไตรมาสแรกปี 2563 รายรับจากการให้บริการอินเทอร์เน็ตนอกเหนือจากโฆษณาและเกมจากสมาร์ทโฟนในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งรวมถึงรายรับจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของ Youpin ธุรกิจฟินเทค บริการอินเทอร์เน็ตทีวีและบริการอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 71.5 % เมื่อเทียบปีต่อปี ในไตรมาสแรกของปี 2563

บริการสตรีมวิดีโอและบริการสมัครสมาชิกอื่นๆ ที่มีให้บริการบนโทรทัศน์ของเสียวหมี่ กลายเป็นตัวเลือกด้านความบันเทิงที่สำคัญสำหรับผู้บริโภคจำนวนมากในช่วงวิกฤตโรคระบาด เมื่อผู้ใช้งานเริ่มคุ้นเคยกับบริการชำระค่าสมัครบนแพลตฟอร์มของเสียวหมี่ รายรับจากการสมัครสมาชิกจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในเดือนมีนาคมปี 2563 จำนวนผู้ใช้งานรายเดือนของสมาร์ททีวีและ Mi Box มีจำนวนถึง 30.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 46.8 % เมื่อเทียบปีต่อปี โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 มีจำนวนผู้ที่ชำระเงินเพิ่มขึ้น 53.7 % เมื่อเทียบปีต่อปี เป็น 4.3 ล้านคน

ผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19

เสียวหมี่ได้ดำเนินงานอย่างสุดความสามารถในการต่อสู้กับไวรัสโคโรนา เสียวหมี่นับเป็นหนึ่งในบริษัทอินเทอร์เน็ตแห่งแรกๆ ที่ต่อสู้กับวิกฤตโรคระบาดในมณฑลหูเป่ย โดยได้บริจาคและส่งมอบเวชภัณฑ์ที่สำคัญให้กับโรงพยาบาลกว่า 30 แห่งในมณฑล นอกเหนือจากการต่อสู้กับโรคระบาดในประเทศจีนแล้ว เสียวหมี่ยังต่อสู้อย่างเต็มกำลังเพื่อให้ความช่วยเหลือและบริจาคเวชภัณฑ์จำนวนมาก รวมทั้งหน้ากากอนามัย ชุดป้องกัน และเครื่องช่วยหายใจ ไปยังกว่า 30 ประเทศทั่วโลก

ในจีนแผ่นดินใหญ่ เนื่องจากผลกระทบจากการระบาดเริ่มบรรเทาลง การขายผลิตภัณฑ์หลักของเสียวหมี่จึงฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง กลุ่มบริษัทเสียวหมี่ร่วมมือกับพันธมิตรในซัพพลายเชนในการดำเนินงานเชิงรุกเพื่อช่วยเพิ่มกำลังการผลิต การผลิตในจีนแผ่นดินใหญ่โดยส่วนใหญ่กลับมาดำเนินต่อไป และความต้องการสมาร์ทโฟนฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เดือนเมษายนยอดการส่งมอบสมาร์ทโฟนในจีนแผ่นดินใหญ่ได้ค่อยๆ กลับสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาด และยอดการจัดส่งสมาร์ททีวีก็ฟื้นตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่เช่นกัน ในตลาดต่างประเทศ การเข้าถึงอย่างกว้างขวางทั่วโลกของเสียวหมี่ ทำให้กลุ่มบริษัทเสียวหมี่สามารถวางกลยุทธ์และปรับใช้ทรัพยากรในตลาดต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วในการรับมือกับวิกฤตโรคระบาด ในขณะที่มาตรการล็อคดาวน์ในตลาดต่างๆ ค่อยๆ ผ่อนปรนลง ยอดขายก็เริ่มฟื้นตัว โดยในสัปดาห์ที่สามของเดือนพฤษภาคม จำนวนการเปิดใช้งานสมาร์ทโฟนในตลาดยุโรปได้กลับสู่ระดับ 90% ของระดับเฉลี่ยรายสัปดาห์ของเดือนมกราคม 2563

Leave a Reply