หลังจากเราต้องทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) กันมาพักใหญ่ ทุกวันนี้เราเริ่มกลับมาใช้ชีวิตในรูปแบบ “ความปกติใหม่” หรือ New Normal กันแล้ว จะสังเกตได้ว่าเราเริ่มจะเคยชินกับไลฟ์สไตล์บางอย่างที่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนหลายอย่าง และหนึ่งในนั้นคือการใช้แล็ปท็อปแทนเดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์ จา กการวิเคราะห์ทางการตลาด ในปีนี้การใช้ชีวิตแบบ New Normal ตลาดแล็ปท็อปเติบโตสูงขึ้น 7% โดยความต้องการของผู้บริโภคไม่ได้อยู่แค่ไลฟ์สไตล์การทำงานเท่านั้น ล่าสุดหัวเว่ยจึงแนะนำแล็ปท็อปที่คนไลฟ์สไตล์แบบไหนก็สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ คือ MateBook D 14 นั่นเอง

ทำงานได้สะดวกด้วยจอกว้างใหญ่สบายตา

หัวเว่ยรู้ใจคนกลุ่มนี้ดีว่า ส่วนใหญ่คนยุคนี้ก็จะสตรีมคอนเทนต์ออนไลน์ผ่านแล็ปท็อปกันทั้งนั้น สำหรับบางคนหน้าจอแล็ป ท็อปไซส์ปกติอาจไม่จุใจพอ จึงได้ปิ๊งไอเดียทำอย่างไรก็ได้ให้ “จอภาพยนตร์” ของผู้บริโภคแผ่เต็มบอดี้ได้มากที่สุด เริ่มจากการอัดหน้าจอ FullView Display ให้กินพื้นที่ 84% ของทั้งหมดจนขอบหน้าจอเหลือเพียง 4.8 มม. โดยกล้องหน้าแทนที่จะอยู่ด้านบนของจอ ก็ย้ายไปซ่อนอยู่บนคีย์บอร์ด กลายร่างเป็น Recessed Camera แทน จะได้สนุกกับคอนเทนต์สุดโปรดโดยไม่มีอะไรเกะกะสายตา ในความละเอียดระดับ Full HD ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ครอบคลุมภาพมุมกว้างถึง 178 องศา เท่านั้นยังไม่พอ หน้าจอแล็ปท็อปยังกางได้ 180 องศา ให้ผ่อนคลายได้ในทุกอิริยาบถ

คนขยันทำงาน: สะดวก รวดเร็ว ครบทุกฟังก์ชั่นที่ต้องการ

เมื่อถึงเวลาที่เปลี่ยนมาทำงานบนแล็ปท็อปมากกว่าเดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์ เราย่อมต้องการให้ความสะดวกในการทำงานเพิ่มขึ้น แล็ปท็อปอย่าง MateBook D 14 เองจึงต้องได้รับการอัพเกรดให้ตามทันความต้องการของผู้ใช้ ประการแรกคือต้องเปิดเครื่องได้เร็วทุกเวลาเร่งด่วน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม Fingerprint Power Button จึงเป็นตัวช่วยที่ดีที่ทำให้คนที่งานยุ่งตลอดเวลาสามารถสแกนลายนิ้วมือเพื่อล็อกอินเข้าเครื่องได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที สำหรับคนที่ใช้สมาร์ทโฟนของหัวเว่ยระบบปฏิบัติการ EMUI 10.1 ขึ้นไป ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการส่งไฟล์ระหว่างเครื่องเลย เพราะสามารถแตะตัวเครื่องเข้าด้วยกันเพียงครั้งเดียว (One Tap) HUAWEI Share ก็จะช่วยโอนถ่ายข้อมูล รูป วีดีโอ รวมถึงไฟล์งาน ขึ้นไปบนแล็ปท็อปได้ทันที โดยไม่ต้องต่อสายต่อให้รุงรัง

MateBook D 14 คือตัวเลือกที่เหลือเชื่อสำหรับคนทำงาน เพราะมีขนาดบางเพียง 15.9 มม. ฟังแล้วอาจดูเหมือนมีข้อจำกัดในเรื่องของพอร์ต จริงๆ แล้วตรงกันข้าม เพราะถึงจะบางแต่ก็มีพอร์ตให้ใช้งานได้พอกับความจำเป็น ทั้ง USB 2.0, USB 3.0, USB Type-C, Audio Jack รวมถึง HDMI ไว้ต่อกับจอใหญ่ พรีเซ้นท์งานได้สบาย

คนขวนขวายในการศึกษา: พกง่าย เรียนสบายทุกที่ ทุกเวลา

ในยุค New Normal อาจารย์บางคนก็อาจจะชินกับ Online Class ไปแล้ว บางคนก็อาจจะยังชอบให้เรียนในห้องตามปกติอยู่ นักเรียน นักศึกษา ที่ต้องแบกทั้งหนังสือ ชีท และแล็ปท็อปไปเรียนอาจจะรู้สึกวุ่นวาย แต่ถ้าเทียบกับแล็ปท็อปในราคาใกล้เคียงกันแล้ว MateBook D 14 ถือเป็นรุ่นที่เบาที่สุดในตลาด น้ำหนักเพียง 1.38 กก. ก็ช่วยแก้ปัญหาไปได้เรื่องหนึ่ง ส่วนกล้อง Recessed Camera ก็ช่วยให้สามารถเข้าถึงคลาสออนไลน์ได้ทุกที่ บวกแบตเตอรี่ที่ใช้ได้นาน และสายชาร์จ Type C อเนกประสงค์ ที่มีน้ำหนักเหมาะแก่การพกพา ก็สามารถชาร์จสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ต่างๆ ได้ ลดภาระของการจัดกระเป๋าไปเรียนไปได้อีก

เห็นอัดแน่นไปด้วยฟังก์ชั่นตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ขนาดนี้ อาจจะคิดว่าราคาสูงรึเปล่า จริงๆ แล้ว MateBook D 14 นั้นราคาเพียง 21,990 บาทสำหรับ AMD Ryzen 7 และ 29,990 บาท สำหรับ Intel i-core 7 ใครที่กำลังสนใจแล็ปท็อปที่เรียบหรูดูดี แล็ปท็อปเครื่องนี้ถือว่าตอบโจทย์ เพราะครอบคลุมความต้องการแทบทุกแบบจริงๆ ดูรายละเอียดได้เลยที่ https://consumer.huawei.com/th/laptops/matebook-d-14-amd/ และ https://consumer.huawei.com/th/laptops/matebook-d-14-2020/

Leave a Reply