Unbox & Review: Cooler master Masterpulse
ขอสวัสดีทุกท่านเช่นเคยครับผมวันนี้ผมก็มีสินค้าจากทาง Cooler Master มารีวิวอีกเช่นเคยครับ ซึ่งวันนี้สินค้าที่จะนำมารีวิวนั้นคือ หูฟัง In ear นั้นเองซึ่งทาง Cooler Master นั้นก็ได้ผลิตหูฟัง In ear มาแล้วหลายรุ่นซึ่งอยู่ในตระกูล Cm Storm ซึ่งเน้นไปทางการเล่นเกม แต่ในปีนี้ทาง Cooler Master ได้ปรับทิศทางนำหูฟังมาอยู่ในตระกูลใหม่ของทาง Cooler Master ซึ่งคือตระกูล Master นั้นเองโดยไม่ได้เน้นไปทางนำไปใช้ในการเล่นเกมเหมือนกับตระกูล Cm Storm ตัวเก่าสามารถใช้ได้ทุกแนวไม่ว่าจะเป็นการ ฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกม สินค้าตัวนี้มีชื่อว่า Masterpulse ซึ่งเป็นตัวที่พัฒนามาจากตัวเก่าอย่าง Cm storm Resonar ซึ่งหน้าตานั้นเหมือนเดิมเปรียบเลย ต่างกันแต่โทนสีที่ใช้กับตัวหูฟังให้ดูเรียบหรูขึ้น และตัว Diver ใหม่ที่พัฒนาจากเดิม มาเริ่มกันที่ จุดเด่นและเทคโนโลยีของเจ้า Master Pulse ที่น่าสนใจกันเลยครับ
จุดเด่นและเทคโนโลยีที่น่าสนใจ
สิ่งแรกนั้นเรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นชูโรงของเจ้าหูฟังตัวนี้เลยก็ว่าได้นั้นคือ Bass Fx นั้นเองซึ่งช่วยให้เสียงเบสนั้นมีพลังมีลูกที่ใหญ่มาขึ้นจากเดิมที่ไม่มีโดยเราสามารถเปิดหรือปิดเจ้า Bass Fx ได้โดยการ หมุนที่หมุนกลมๆหลังตัวหูฟังได้เลยเลือกที่จะปิดเพื่อจะได้ฟังผ่อนคลายสบายๆหรือต้องการเบสที่ดุดันนั้นเอง ตัว Body นั้นทำมาจาก Aluminum สังเคราะห์คุณภาพสูงทำให้ได้เสียงที่เคลียร์ และยังมาพร้อมกับ In Line Remote และ Microphone โดยมีเซ็นเซอร์คุณภาพสูงช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอกพร้อมกับมีปุ่มสำหรับรับสายวางสายหรือใช้คุมการเล่นเพลงได้อย่างสะดวกสบาย
ต่อมาเป็นการแสดงให้เห็นถึงการทำงานของเจ้า Bass Fx ว่าทำงานอย่างไรโดยเมื่อเราเปิดเจ้า Bass FX นั้นจะทำการปิดช่องที่ระบายเสียงออกภายนอก ทำให้ได้รับเสียงที่เต็มและหนักแน่นที่ขับจาก Diver โดยตรงส่วนถ้าเราทำการปิด Bass Fx ตัวหูฟังก็จะทำการเปิดช่องระบายอากาศทำให้เสียงเบสนั้นลดลงแต่เราจะได้เสียงที่เคลียร์และฟังสบายมากขึ้นได้ยินเสียงที่โปร่งกว่าเดิม ตัว Diver นั้นทำการเคลือบ Titanium ทำให้ได้เสียงที่เสียงที่มีคุณภาพและเบสที่หนักแน่นดุดันและสัญญานเสียงที่ดี
ต่อมาเป็นการแสดงกราฟเสียงระหว่างการเปิด Bass Fx และปิด Bass Fx โดยถ้าเราเปิด Bass Fx จะทำให้ได้เสียงย่านทุ่มหรือเบสเพิ่ม 60% ในช่วงความถี่ 20-100 Hz ย่านแหลมเพิ่ม 40% ในช่วงความถี่ 5000-9000 Hz ย่าน Mediant ในช่วงความถี่ 500 Hz เพิ่ม 25%
ส่วนสุดท้ายนั้นคือเรื่อง In-line Remote และ Microphone ตัวรีโมทนั้นสามารถใช้รับสายวางสายและควมคุมการเล่นเพลงได้ทำให้เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน และมาพร้อมกับไมค์ที่มีชิพคุณภาพสูงช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอกเวลาใช้งานได้อย่างดี ตัวหูฟังจะมี จุกหูฟังแถมมาให้ หลายขนาดทำให้เข้ากับหูทุกคนได้อย่างดีเลยทีเดียวและตัวหูฟังนั้นมีน้ำหนักเบาพกพาและสวมใส่ได้สะดวกสบาย
เรามาเริ่มแกะกล่องเลยดีกว่าครับเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
มาเริ่มที่ด้านหน้ากล่องกันเลยครับกล่องมีในสีแนวเทาเข้มโชวรูปเจ้า Masterpulse ไว้ชัดเจน และมีการเขียนโชว์จุดเด่น Bass Fx ไว้เด่นชัดเลยทีเดียว
ด้านซ้ายกล่องนั้นก็ไม่ได้มีอะไรมาก มีการบอกชื่อสินค้าในภาษาอื่นๆว่ามันคือสินค้าอะไร
ด้านขวาของกล่องนั้นก็ได้มีการเขียนจุดเด่นเพิ่มเติมเอาไว้ ซึ่งก็มี Crystal clear sound ให้เสียงที่ใสและเคลียร์ Adjustable bass dial สามารถเปลี่ยนเสียงเบสง่ายดายเพียงหมุนที่หลังหูฟัง Support multiple Device รองรับอุปกรณ์ที่หลากหลาย
ส่วนด้านหลังกล่องนั้นได้มีการเขียนฟีเจอร์เด็ดๆของเจ้า Masterpluse เอาไว้และก็ข้อมูลของเจ้า Bass Fx แบบย่อๆ และสเปกอย่างละเอียด ซึ่งสามารถดูได้ตามด้านล่างนี้เลยครับ
Driver | 8mm driver |
Frequency Response | 20Hz-20KHz |
Impedance | 20Ω |
Sensitivities (@100Hz) | 119dB ± 3dB (bass on) |
109dB ± 3dB (bass off) | |
Max output power | 20mW |
Cable Length | 1.3m |
Connector | 3.5mm gold-plated headphone jack |
Microphone | |
Pick-up Pattern | Omni-Directional |
Frequency Response | 100 Hz – 10 KHz |
Sensitivity | -44 ± 4dB (at 1KHz, 1V/PA) |
Signal to Noise Ratio | 58dB or more |
EAN Code | 4719512046364 |
UPC Code | 884102025365 |
เมื่อแกะกล่องมาก็จะเจอตัวหูฟังสวยๆงามๆโชว์ตัวเป็นเลยทีเดียวแถมยังมีกล่องใส่หูฟังแถมให้ด้วย และด้านซ้ายก็ได้โชว์กราฟเสียงเทียบของเทคโนโลยี Bass Fx ไว้ตามที่ผมได้อธิบายไว้ข้างต้น แพ็กเกจ เรียกได้ว่าสายงามอลังการมากๆ
ในกล่องหูฟังก็จะมีจุกหูฟังอีก 2 size ให้เปลี่ยนตามใจชอบเลยครับ กล่องหูฟังก็เล็กๆกระทัดลัดดี
ตัวขั่วแจ็คนั้นทำมาได้แข็งแรงมากหมดปัญหาเรื่องสายไฟตรงขั่วแจ็คหักใน
ปุ่ม Remote จากที่ได้ลองใช้แล้วชอบมากๆเพราะไม่ต้องใช้แรงกดเยอะกดง่ายๆนุ่มๆ ส่วยเสียงไมค์นั้นเรียกได้ว่าชัดละตัดเสียงรบกวนได้ดีตามที่ได้โฑษณาเอาไว้เลย
สีหูฟังนั้นสวยถูกใจผมมากเรียบหรูจิงๆ ส่วนที่หมุนเปิดปิด Bass Fx นั้นก็หมุนได้ง่ายไม้ฝืด สำหรับผมแล้วในส่วนนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีแปลกดีแต่ผมก็รู้สึกลำบากไปหน่อยเพราะเวลาต้องเปลี่ยนโหมดต้องเอาหูฟังออกจากหูแล้วหมุนแล้วจึงใส่ฟังต่อซึ่งก็ลำบากเล็กน้อยแต่ก็คุ้มกะเสียงที่เปลี่ยนไปมากๆระหว่าง เปิดและปิดถือว่าคุ้มในความลำบากเล็กน้อยอยู่ สายไฟนั้นเป็นแบบ แบนซุ่งผมชอบมากๆเพราะทำให้สายหูฟังไม่พันกันง่ายต่อการหยิบมาใช้
ตัว Body นั้นแข็งแรงมากและเบามากๆด้วยซึ่งผมชอบมากๆเพราะใส่ละสบายน้ำหนักเบา ตะแกรงกันสิ่งแปลกปลอมเข้าก็ทำได้ดูดีมากๆ
ภาพเวลาใส่หูฟังเข้าไปดูแปลกดีเหมือนกันแหะ
ความรู้สึกสำหรับหูฟังตัวนี้เมื่อได้ทดลองฟังใช้ฟังจริง
เป็นหูฟังที่พกพาสะดวกมากๆเพราะมีน้ำหนักเบามากๆใส่สบายไม่รั้งหู ใช้สายแบนทำให้สายไม่พันกันง่ายๆ ขั่วแจ็คแข็งแรง ปุ่ม Remote กดง่าย โดยรวมงานประกอบดีมากๆเรียบหรู เรื่องเสียงนั้นตัวนี้จัดได้ว่าถ้าปิด Bass Fx ให้เสียงที่ Flat เรียบมากๆไม่ปรุงแต่งดีเด่นเรื่องเสียงร้องที่อยู่ในระยะที่พอดีชัดเจน เสียงเครื่องดนตรีก็ชัดเจน ส่วน Bass นั้นพอประมาณ แต่ถ้าเปิด Bass FX แล้ว เบสมีมวลใหญ่มหาศาลมากๆหนักแน่นดุดันและเก็ปตัวเร็วดีจัดว่าเป็นเสียงทุ้มเสียงเบส ที่มีคุณภาพมากๆแต่เมื่อเปิด Bass Fx แล้วจะทำให้เสียงเบสกลบเสียงแหล่มกลางและดนตรีไปนิดหน่อย ส่วนเรื่องเวทีทั้งปิดและเปิด Bass Fx นั้นเวทีแคบเล็กน้อยเมื่อเทียบกับหูฟังทั่วไป สรุปเสียงโดยร่วมเหมาะกับคนที่ชอบเสพเบสเป็นอย่างมากดุดันจุใจแน่นอนส่วนถ้าอยากฟังสบายๆชิวเสียงร้องชัดๆก็ทำได้เช่นกันโดยการปิด Bass Fx เรียกได้ว่ามี 2 คาแรคเตอร์ในตัวเดียวเลยก็ว่าได้ ส่วนตัวผมถูกใจมากๆเลยทีเดียวโดยเฉพาะเสียงเบสจัดเต็มตามที่ได้โฑษณาไว้เลยทีเดียวจะมีขัดใจแค่เวทีที่แคบนิดหน่อยและก็การกลบเสียงกลางแหล่ม สุดท้ายนี้ผมก็ขอจบการรีวิวไว้เพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมมากๆครับผมไว้เจอกันในรีวิวต่อไปนะครับสวัสดีครับ
BRIGHTBESTER TECH