– SPEC Asus Zenbook Flip 15 –

  • หน้าจอหลัก LED-backlit ขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด 4K (3840 x 2160) 60Hz Glare มุมมองกว้าง 178° รองรับระบบสัมผัส TouchScreen เต็มรูปแบบสามารถใช้งานปากกาได้
  • หน้าจอที่สอง ScreenPad 2.0 ความละเอียด 2K (2160 x 1080) ขนาด 5.65 นิ้ว
  • CPU Intel® Core™ i7 10510U
  • GPU NVIDIA® GeForce® GTX 1050 Max-Q Design 4GB GDDR5 VRAM
  • RAM LPDDR3 16 GB 2133MHz
  • Storage SSD M.2 NVMe 1TB
  • Network Wi-Fi 6 Gig+ (802.11ax) 4 Antenna (2×2) และ Bluetooth 5.0
  • Speaker ลำโพงแบบสเตอรีโอ ปรับแต่งเสียงโดย Harman Kardon
  • Port USB 3.1 Gen 1 Type-C 1 ช่อง, USB 3.1 Gen 1 Type A 2 ช่อง, HDMI 1 ช่อง, รูหูฟัง+ไมค์ 3.5 mm., SD-Card Reader 1 ช่อง
  • Battery 71Wh 8-cell
  • Dimension 356 x 229 x 19.9 mm. / น้ำหนัก 1.9 kg.
  • ราคา 46,990 บาท รับประกัน 2 ปี พร้อมประกันอุบัติเหตุใน 1 ปีแรก

– Unbox –

อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง

  • ซองผ้าอย่างดีเอาไว้สำหรับใส่ตัวโน้ตบุ๊ค มีที่สำหรับเหน็บตัวปากกา Stylus
  • ปากกา Stylus Asus Collection เอาสำหรับขีดเขียนบนหน้าจอ
  • AC to DC Adapter สำหรับชาร์จไฟ ขนาด 120 Watt 20V-6A
  • ASUS ZenBook Flip 15 UX563FD
  • คู่มือการใช้งาน และรายละเอียดการรับประกัน

– ลัดเลาะรอบเครื่อง –

Zenbook Flip 15 มาพร้อมกับหน้าจอถึง 2 หน้าจอด้วยกัน โดยหน้าจอหลักเป็นหน้าจอ LED-backlit ขนาด 15.6 นิ้ว Nano Edge ขอบบางสุด ๆ เพียง 4.5 mm. ความละเอียด 4K (3840 x 2160) 60Hz Glare มาพร้อมกับขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB แถมได้รับ Pantone validated display กับ 72% NTSC มีมุมมองกว้าง 178° รองรับระบบสัมผัส TouchScreen เต็มรูปแบบ สามารถใช้งานร่วมกับปากกาที่แถมมาให้เลยในกล่อง ไว้ใช้ในการวาดเขียน

ด้านล่างของตัวเครื่องมีแผ่นยางกันลื่นให้ 4 จุด ใช้งานจริงหนึบติดพื้นไม่ลื่นอย่างแน่นอน และมีช่องสำหรับให้อากาศเข้าไประบายความร้อนในตัวเครื่องเล็ก ๆ อีก 1 ช่อง

เจ้านี้คือหน้าตาของปากกา Stylus ที่แถมมาให้กับ Asus Zenbook Flip 15 นั่นเอง (ยืม Zenbook Pro Duo เป็นที่วางเฉย ๆ นะ)

สามารถใช้งานกับหน้าจอได้อย่างสะดวกสบาย เขียนได้ไหลลื่น สามารถเอาไว้เซ็นเอกสารก็ได้ โดยด้านข้างของปากกาจะมีปุ่มมาให้สองปุ่มเป็นฟังก์ชั่นสำหรับสั่งงานเพิ่มเติม เช่น คลิ๊กขวา ยางลบ เป็นต้น

มาพร้อมกับ Illuminated chiclet คียบอร์ด มี NumPad มาให้ได้ใช้งาน และที่ดีมากคือปุ่ม Arrow Keys แยกออกมาจาก NumPad ให้ไม่ได้รวมเหมือนรุ่นอื่นทำให้แยกแยะได้ง่ายกว่าเวลาจะใช้ Arrow Keys ให้สัมผัสที่นุ่ม ใช้น้ำหนักในการกดน้อย มีระยะการกดสั้นเพียง 1.4 mm. พิมพ์สัมผัสได้ง่าย

ด้านหน้าของตัวเครื่องดีไซน์สวยงาม มีช่องสำหรับสอดนิ้วเพื่อใช้ในการเปิดจอมาให้ ทำให้เวลาใช้งานเปิดตัวเครื่องได้ง่าย สังเกตุว่าที่ขอบของตัวจอด้านบนจะมีรูอยู่ 4 รู ซึ่งตรงนี้จะเป็นที่อยู่ของเสาสัญญาณของตัว Wi-Fi นั่นเอง โดยรุ่นนี้รองรับมาตราฐาน Wi-Fi 6 ความเร็วระดับ Gig+ (802.11ax) มี 4 เสา แถมรองรับ Bluetooth 5.0 ด้วย โดยรุ่นนี้จะมีลำโพงมาให้สองตัวด้านหน้า และได้ผ่านการจูนเสียงจาก Harman/Kardon มาแล้ว ซึ่งขอบอกตรงนี้เลยว่าหลังจากที่ผมได้ฟังเพลงด้วยเจ้า Zenbook Pro Duo แล้ว ผมต้องตกใจอยู่เหมือนกันเป็น Notebook อีกหนึ่งรุ่นที่ลำโพงเสียงดีมาก ๆ มิติเสียงดี เวทีเสียงกว้าง เสียงร้องคมดีแต่ไม่บาดหู และมี Impact เบสลูกน้อย ๆ มาพอให้ได้รู้สึกถึงจังหวะของเพลง

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมี Port 3.5 mm. และ USB Type-A 3.1 Gen 1 นอกจากนั้นที่เห็นเป็นแถบยาว ๆ จะเป็นช่องสำหรับระบายความร้อน

ฝั่งนี้ก็จะมีแถบสำหรับระบายความร้อนเช่นกัน และก็เป็นพอร์ทสำหรับชาร์จไฟ DC in, USB Type-A 3.1 Gen 1, Port HDMI, USB-C 3.1 Gen 1, SD-Card Reader ส่วนจุดเล็ก ๆ เป็นไฟ LED แสดงสถานะ Battery และการอ่านเขียนข้อมูลของ SSD สุดท้ายเป็นปุ่มสำหรับใช้ในการ เปิด-ปิด เครื่องนั่นเอง ในส่วนของ Battery 71Wh 8-cell ที่ให้มาในการใช้งานจริง ก็สามารถใช้งานได้ประมาณ 9 ชั่วโมงต่อเนื่องด้วยการเปิด Power Saver Mode

มาพร้อมดีไซน์บานพับแบบ ErgoLift ที่เวลาเปิดเครื่องแล้วเครื่องจะยกระดับขึ้น ช่วยในการระบายความร้อน และช่วยให้ไม่ปวดข้อมือในการพิมพ์ และยังช่วยยกระดับหน้าจอขึ้นทำให้อยู่ในระดับสายตา ไม่ต้องก้มจนปวดต้นคอ ไม่พอเมื่อใช้แผ่นยกระดับตัวเครื่องที่แถมมาให้ก็จะสูงขึ้นอีก ทนทานต่อการพับจากการทดสอบมากกว่า 20,000 ครั้ง

แถมในรุ่นนี้พิเศษตรงสามารถพับจอได้ 360 องศาเลยเอาไว้พรีเซ้นงานให้ลูกค้าสบาย ๆ

ตัวเครื่องมาพร้อมกับสีเทาอมม่วงที่สวยงามดี ฝาหลังมีการทำพื้นผิวแบบด้าน ทำให้เป็นรอยนิ้วมือยากกว่ารุ่นอื่น

Zenbook Flip 15 เป็น Notebook ขนาด 15 นิ้ว ที่เหมาะสำหรับการทำงานมาก ๆ หน้าจอใหญ่ ความละเอียดสูง สีสันสวยงาม เที่ยงตรง คียบอร์ดแบบเต็ม เว้นระยะดีพิมพ์งานได้สะดวก แต่อาจจะไม่สะดวกในการพกพาสำหรับบางคนสักเท่าไหร่นักด้วยขนาดที่ใหญ่ และน้ำหนัก 1.9 Kg.

เปิดสไลด์พรีเซ้นงานพร้อมกับให้ลูกค้าจด Note ไปด้วยสบาย ๆ

จะพับเป็น Tablet แบบนี้ไว้ใช้เขียนงานก็ทำได้เช่นกัน อเนกประสงค์สุด ๆ

ไม่ต้องห่วงว่าเครื่องจะเป็นรอย เขามียางรองมาให้เวลาวางบนโต๊ะสบายใจได้

– ประสิทธิภาพ –

Zenbook Flip 15 มาพร้อมกับ Intel® Core™ i7 10510U รุ่นใหม่ล่าสุด + NVIDIA® GeForce® GTX 1050 Max-Q Design 4GB GDDR5 VRAM + RAM LPDDR3 16 GB 2133MHz + SSD M.2 Nvme 1 TB โดยสนนราคาอยู่ที่ 46,990 บาท ประสิทธิภาพโดยรวมถือว่าเหลือเฟือมาก ๆ ในการใช้งาน เหมาะกับการใช้ทำงานมาก ๆ จำทำงานกราฟฟิกก็เหลือเฟือเลย จนไปถึงขั้นเล่นเกมอย่าง PUBG ก็สามารถเอาอยู่ได้ หายห่วงได้เลยสำหรับโน้ตบุ๊คระดับนี้

ส่วนในเรื่องของการระบายความร้อน ในขณะใช้งานหนัก ๆ ก็ถือว่าทำได้ดีมาก สามารถควบคุมอุณหภูมิอยู่ที่ไม่เกิน 100 องศา ไม่มีปัญหาในการใช้งานแต่อย่างใด 

นี้มาพร้อมกับ SSD แบบ Nvme ขนาด 1TB แรงไม่ใช่เล่นเลย การเขียนอยู่ที่ 2385 MB/s เรียกได้ว่าแรงมากแตะ 2GB/s ไปแล้วส่วนค่าการอ่านอยู่ที่ 1157 MB/s ในการใช้งานจริง ทำให้เวลาเปิดโปรแกรมรวดเร็วมาก ๆ เปิดเครื่องก็ใช้เวลาเพียง 2-5 วินาทีเท่านั้น เขียนอ่านไฟล์ไวสุด ๆ

– สรุป –

หลังจากที่ได้ใช้งานเจ้า Zenbook Flip 15 ผมว่าเป็น Notebook ที่เหมาะกับคนที่เน้นในเรื่องของคุณภาพหน้าจอเป็นหลัก ถ้าใครต้องการหน้าจอขนาดใหญ่ ความละเอียดสูง ๆ มีเรื่องสีที่เพี้ยนน้อยเพื่อใช้ทำงานที่จริงจังในเรื่องของสี เช่นงานออกแบบ งานรูปภาพ งานวิดีโอ หรืองานกราฟิกต่าง ๆ ผมว่ารุ่นนี้เป็นตัวเลือกที่ดีเลย และยังเหมาะกับการใช้ทำงานทั่วไปได้อีก เช่นคนที่อยากได้โน้ตบุ๊คที่เอาไว้ทำ Presentation งานต่าง ๆ กับลูกค้า เพราะสามารถใช้งานได้ไร้รอยต่อด้วยหน้าจอสัมผัสที่ตอบสนองไว แถมยังรองรับการใช้งานปากกา Stylus อีกด้วย ไม่พอ ยังมีจอที่สอง ScreenPad 2.0 ที่สามารถ Creative อะไรต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น มีฟังก์ชั่น Shortcut ต่าง ๆ ที่ช่วยให้ทำงานได้ง่ายขึ้นเยอะ โดยถ้าให้สรุปง่าย ๆ เจ้า Zenbook Flip 15 เป็น Notebook ที่เหมาะสำหรับคนที่ซีเรียสในเรื่องของคุณภาพจอ ขนาดจอ และสีของหน้าจอที่เที่ยงตรง และในอีกด้านก็ยังเหมาะสำหรับคนที่ต้อง Present งานบ่อย ๆ ต้องการเครื่องมือที่นำเสนอไอเดียได้ง่าย ๆ Zenbook Flip 15 เป็นตัวเลือกที่เหมาะมาก มีปากกามาให้ และจากที่พูดมาทั้งหมดสเปคที่ให้มาเนี่ยก็ไม่ธรรมดาด้วยนะ ทำงานตัดต่อ หรือเล่นเกมยังสบาย ๆ แล้วเทียบกับค่าตัวผมว่าสิ่งที่ได้คุ้มเม็ดเงินที่จ่ายไปมาก ๆ เลย วันนี้ผมก็ขอจบการรีวิวไว้แต่เพียงเท่านี้ ไว้เจอกันในรีวิวถัด ๆ ไป สวัสดีครับ

จุดเด่น

  1. หน้าจอความละเอียดสูง ขนาดใหญ่ สีเที่ยงตรง แถมใช้งานการสัมผัสได้ลื่นไหล
  2. มีหน้าจอที่สอง ScreenPad 2.0 สามารถใช้สำหรับควบคุมการทำงานต่าง ๆ และแสดงผลข้อมูลได้มากกว่าที่เคย 
  3. ให้สเปคมาเหลือเฟือในการทำงาน ทั้ง Intel® Core™ i7 10510U ตัวล่าสุด + NVIDIA GeForce RTX 2060 6GB ที่ไม่ว่าจะเรนเดอร์งาน หรือเล่นเกมก็เอาอยู่ แถมใส่ SSD แบบ Nvme มาให้มากถึง 1TB และยังมีความเร็วการอ่านเขียนสูงด้วย
  4. ลำโพงคู่ที่จูนเสียงโดย Harman Kardon ให้มิติเสียงที่ดี 
  5. รองรับการใช้งานปากกา Stylus แถมมาให้ในกล่องเลยไม่ต้องซื้อแยก 
  6. ดีไซน์บานพับแบบ ErgoLift ที่เวลาเปิดเครื่องแล้วตัวเครื่องจะยกระดับขึ้น ช่วยในการระบายความร้อน และช่วยให้ไม่ปวดข้อมือในการพิมพ์ แถมยังยกระดับหน้าจอขึ้นทำให้อยู่ในระดับสายตาไม่ปวดต้นคอ
  7. มีพอร์ท USB-C มาให้ได้ใช้งานกัน
  8. ระบบระบายความร้อนดี แม้ตัวเครื่องจะบาง แต่ยังสามารถระบายความร้อนได้ดี
  9. มีกล้อง IR Camera ช่วยในการใช้งานร่วมกับ Windows Hello ได้มีประสิทธิภาพดีมากขึ้น
  10. รองรับ Wifi 6 (802.11ax) 

ข้อพิจารณา

  1. ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่พอตัว
  2. ScreenPad 2.0 เวลาต้องการสลับไปใช้งาน TrackPad ค่อนข้างลำบาก และจอมีขนาดเล็กไป

Leave a Reply

You missed