realme 6 Pro

วันนี้ผมจะมารีวิว realme 6 Pro สมาร์ทโฟนตำนานของความคุ้มค่ารุ่นใหม่จากทาง realme กันครับ ไปดูกันว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะมีอะไรแต่งต่างจากเดิมบ้าง มีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจบ้าง หลังจากที่ใช้งานแล้วรู้สึกยังไง มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง ไปดูพร้อมกันเลยครับ

– Spec –

  • Display : IPS ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 90Hz
  • CPU : Snapdragon 720G
  • GPU : Adreno 618
  • RAM : LPDDR4X 8GB
  • Storage : แบบ UFS 2.1 ความจุ 128GB รองรับ MicroSD Card เพิ่มเติม (Triple-Slot)
  • Back Camera : กล้องหลัก 64MP + กล้อง Ultrawide 8MP + กล้อง Telephoto 12MP + กล้องมาโคร 2MP
  • Front Camera : กล้องหน้าคู่ 16MP + 8MP
  • Connection : WiFi AC, Bluetooth 5.1
  • Battery : 4300 mAh รองรับชาร์จไว 30W (VOOC 4.0)
  • OS : Android 10 ครอบทับด้วย realme UI
  • Colors : สีน้ำเงิน Lightning Blue และสีแดง Lightning Red

วาร์ปสั่งซื้อ > https://bit.ly/3aq8VE9

– สิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลง –

realme 6 Pro มาพร้อมกับ หน้าจอ IPS ขนาดใหญ่ 6.6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ โดยมาพร้อมขอบหน้าจอที่น้อยมาก ๆ โดยกล้องหน้าก็ได้เข้าไปในหน้าจอเรียบร้อย ด้วยการเจาะรูบนหน้าจอ ใครที่จอหน้าจอใหญ่เต็มตารุ่นนี้โดนใจแน่นอน

เป็นครั้งแรกใน Smartphone ของ realme ที่ให้หน้าจอที่มี ค่ารีเฟรชเรท 90Hz และ touch-sensing 120Hz มาให้ได้ใช้งานกัน ซึ่งหลังจากที่ผมได้ลองใช้งานแล้วพบว่า หน้าจอใช้งานได้สมูทลื่นไหลดีมาก ๆ ทำให้เวลาใช้งานทั่วไป หรือเล่นเกมรู้สึกแตกต่างจากสมาร์ทโฟนที่ใช้หน้าจอรีเฟรชเรท 60Hz ได้ชัดเจน แถมสิ่งที่ชื่นชอบเลยคือหน้าจอรอบนี้ยังคงสีสันได้สดใสเหมือนเดิม และใช้งานได้ติดนิ้วหน้าจอตอบสนองการสัมผัสได้รวดเร็วแม่นยำแล้ว ไม่มีปัญหาเหมือนรุ่นก่อน ๆ แล้วสบายใจหายห่วงได้เลย แต่มีข้อพิจารณานิดหน่อย ผมรู้สึกว่าแสงสว่างของหน้าจอไม่ค่อยสว่าง ทำให้มีปัญหาเวลานำไปใช้ที่กลางแจ้งจะมองไม่ค่อยเห็นหน้าจอ

ข้างขวาของตัวเครื่อง เปลี่ยนจากปุ่มกดธรรมดา ๆ มาใช้ปุ่มที่มี Fingerprint scanner ในตัวสามารถใช้นิ้วปลดล็อกตัวเครื่องง่าย ๆ เพียงแค่วางนิ้วลงบนปุ่ม โดยยังคงกดเพื่อ เปิด-ปิด เครื่อง หรือหน้าจอได้ตามปกติ โดยบริเวณปุ่มมีการออกแบบให้มีการเว้นระยะทำโค้งเว้าเข้าไปบริเวณปุ่มทำให้สามารถวางนิ้วเพื่อปลดล็อกตัวเครื่องได้งาน จับถือตัวเครื่องถนัดมากยิ่งขึ้น

หน้าจอบริเวณด้านบนซ้ายมาพร้อมกับกล้องหน้าคู่ 2 ตัว ที่มีการเจาะรูอยู่ในหน้าจอ รายละเอียดกล้องมีดังนี้

  • กล้องหลัก ความละเอียด 16 MP ค่ารูรับแสง f/2.1 ระยะ 26mm (wide) ขนาดเซ็นเซอร์ 1/3.1″
  • กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 8 MP ค่ารูรับแสง f/2.2 ระยะ 17mm (ultrawide) ขนาดเซ็นเซอร์ 1/4.0″

จากที่ได้ลองใช้งานพบว่ากล้องหน้ามีการพัฒนาก้าวกระโดดมาก คุณภาพดี รายละเอียดดี แถมการทำละลายหลังในรุ่นนี้ทำได้เนียนเอามาก ๆ แถมมีเลนส์ Ultra-wide มาให้ใช้งานเหมาะกับการเก็บบรรยากาศรอบข้าง หรือถ่ายรูปกลุ่มสุด ๆ

กล้องหลังก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงไม่แพ้กัน มาพร้อมกับกล้องหลังถึง 4 ตัว รายละเอียดมีดังนี้

  • กล้องหลัก ความละเอียดสูง 64 MP รูรับแสง f/1.8 ระยะ 26mm ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.72″
  • กล้องเทเล ความละเอียด 12 MP รูรับแสง f/2.5 ระยะ 54mm ขนาดเซ็นเซอร์ 1/3.4″ (2x optical zoom)
  • กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 8 MP รูรับแสง f/2.3 ระยะ 13mm ขนาดเซ็นเซอร์ 1/4.0″
  • กล้อง Macro ความละเอียด 2 MP รูรับแสง f/2.4 ระยะ 22mm ขนาดเซ็นเซอร์ 1/5.0″, 1.75µm

กล้องที่ให้มาก็มีให้ได้ใชครบทุกระยะ แต่รุ่นนี้ไม่ได้อัพเกรดเพียงแค่ Hardward โดยรวมหลังจากใช้งานบอกได้เลยว่าไม่ผิดหวัง กล้องคุณภาพดี ถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น ที่เป็นจุดเด่นในรุ่นนี้เลยคือเรื่อง Video ถึงจะไม่ได้ใส่ OIS มาให้มีเพียง EIS แต่ในรุ่นนี้มีโหมด วิดีโอกันสั่นพิเศษ และ วิดีโอกันสั่นพิเศษสูงสุด มาให้เป็นการกันสั่นด้วย EIS + Software ทำให้ได้ภาพที่นิ่งเนียนตามาขึ้น และในโหมด วิดีโอกันสั่นพิเศษสูงสุด จะทำการใช้กล้องเลนส์ Ultra-wide มาทำการครอปเพื่อทำกั่นสั่น บอกเลยโหมดนี้นิ่งมาก ๆ

– ลัดเลาะรอบเครื่อง –

ด้านหลังของตัวเครื่องมาพร้อมดีไซน์ใหม่ที่ สวยงาม แปลกตามาก ๆ กับฝาหลังลาย Lighting โดยรุ่นนี้มีมาด้วยกันสองสีคือ Lightning Red และ Lightning Blue เมื่อโดนแสงสะท้อนในมุมที่ต่างกันจะมีลวดลายที่ขยับไปมาเป็นลายสายฟ้า จากการทำลายที่ฝาหลังหลาย Layer วัสดุของฝาหลังจะเป็น polycarbonate ที่มีความแข็งแรงเหมือนกระจกมาก ๆ

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีปุ่ม เพิ่ม-ลด เสียง ต่อมาเป็นช่องสำหรับใส่ซิมการ์ด และ Micro-SD card เพิ่มเติม แบบ Triple-slot ตัวเครื่องมีความหนาอยู่ที่ 8.9 mm และนำ้หนักอยู่ที่ 202 g ถือว่าเครื่อง หนัก และ หน้า อยู่พอสมควร

ด้านล่างตัวเครื่อง รุ่นนี้ยังคงมีพอร์ต 3.5 mm. มาให้ได้ใช้งานกัน ต่อมาเป็นพอร์ต USB Type-C ที่รองรับการชาร์จไวสูงสุด 30 Watt ต่อมาเป็นลำโพง และไมค์สำหรับสนทนา

– ประสิทธิภาพ –

รุ่นนี้มาพร้อมกับขุมพลังตัวใหม่ล่าสุดอย่าง Snapdragon 720G พร้อมกับ GPU Adreno 618 ที่ต้องบอกเลยว่าประสิทธิภาพไม่ธรรมดา ในการใช้งานทั่วไปสบาย ๆ จนไปถึงการเล่นเกมในท้องตลาดก็ลื่น ๆ แบบหายห่วงได้เลย แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดในรุ่นนี้เลยคือ มีการจัดการพลังงานได้ดีขึ้นมาก ๆ ใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น แบตลดน้อยมาก ๆ เครื่องแทบไม่รู้สึกถึงความร้อนเลย และมาพร้อมกับหน่วยความจำแบบ UFS 2.1 ที่มีสปีดการอ่านเขียนที่รวดเร็วทำให้เวลาใช้งานแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ เปิดได้เร็วเร็วมาก

– ทดสอบการเล่นเกม –

ในส่วนของการเล่นเกม ก็สามารถเล่นได้ลื่น ๆ หายห่วงทุกเกม โดยจะสามารถปรับกราฟฟิกได้ ปานกลาง จนเกือบสูงสุด สามารถเปิดโหมดเฟรมเรทสูงได้ แต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นในรุ่นนี้คือ เล่นเกมแล้วแบตลดช้า เล่นได้ยาวนาน แถมความร้อนเวลาเล่นเกมแทบไม่รู้สึกถึงความร้อนเลย จัดการพลังงานได้ดีมาก ที่สำคัญรอบนี้หน้าจอตอบสนองการสัมผัสได้ไว แม่นยำ แล้ว และ พร้อมหน้าจอที่มี ค่ารีเฟรชเรท 90Hz ทำให้เวลาเล่นเกมรู้สึกได้เลยว่าลื่นเนียนตา

– ภาพถ่ายกล้องหลัง  –

– ภาพถ่ายกล้องหน้า –

– อุปกรณ์ในกล่อง –

1. ตัวเครื่อง realme 6 Pro

2.  เคส TPU แบบใส สีเทา

3. คู่มือการใช้งาน + รายละเอียดการรับประกัน

4. เข็มจิ้มซิม

5. Adapter VOOC 4.0 ชาร์จไว 30 Watt

6. สาย USB Type-C

บทสรุป

หลังจากที่ผมได้ลองใช้งาน realme 6 Pro โดยรวมส่วนตัวรู้สึกชอบเป็นการส่วนตัว เป็นมือถือที่มีฟังก์ชันการใช้งานมาให้ครบครัน ทั้งจุดเด่นในเรื่องของหน้าจอ รีเฟรชเรท 90Hz ที่ลื่นไหลใช้งานได้สมูท กล้องหน้าคู่ที่มีเลนส์ Ultra-wide มาให้ใช้ และกล้องหลังที่มีการปรับปรุงเรื่องการถ่ายวิดีโอที่ดีขึ้น โดยมีการจัดการพลังงานของตัวเครื่องที่ดีมาก ๆ ด้วย Snapdragon 720G พร้อมแบตอึด ๆ 4,300 mAh และมีชาร์จไว 30 Watt มาให้ใช้งาน ถ้าใครมีงบอยู่ประมาณ 10,990 บาท แล้วต้องการหาสมาร์ทโฟนที่ราคาคุ้มค่า ฟังก์ชั่นการใช้งานครบ ไม่ว่าจะเล่นเกม หรือเอาไว้ดู content ต่าง ๆ รวมไปถึงคนที่ชื่นชอบในการถ่ายภาพ ต้องการแบตอึด ๆ อยู่ได้เต็มวัน เจ้า realme 6 Pro ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย แม้จะมีขอพิจารณาของขนาดตัวเครื่องค่อนข้าง ใหญ่ หนา น้ำหนักเยอะ แต่ถ้าใครไม่ซีเรียสในเรื่องนี้ พอเทียบกับสิ่งที่ได้แล้วถือว่าเป็นมือถือที่น่าสนใจไม่น้อย สุดท้ายผมก็ขอกราบลาไปเพียงเท่านี้ ไว้เจอกันในบทความต่อ ๆ ไป สวัสดีครับ

จุดเด่น

  1. หน้าจอ IPS ขนาดใหญ่ 6.6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ที่มี ค่ารีเฟรชเรท 90Hz และ touch-sensing 120Hz
  2. กล้องหลัง 4 ตัว : กล้องหลัก 64MP + กล้อง Ultrawide 8MP + กล้อง Telephoto 12MP + กล้องมาโคร 2MP
  3. กล้องหน้าคู่ 16MP + 8MP เลนส์ Ultra-wide
  4. แบตมาจุใจถึง 4,300 mAh ใช้งานได้เต็มวันสบาย ๆ รองรับชาร์จไว 30 Watt (VOOC 4.0)
  5. ตัวเครื่องดีไซน์สวยงาม โด่ดเด่นเป็นเอกลักษณ์
  6. มีพอร์ท 3.5 mm. และพอร์ต USB Type-C
  7. ขุมพลังใหม่ Snapdragon 720G

ข้อพิจารณา

  1. ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ และ มีน้ำหนักมากถึง 202 g
  2. เครื่องมีความหนาถึง 8.9 mm.

– Unbox realme 6 Pro –

Leave a Reply